หน้าเว็บ

ประกันภัยรถยนต์

วันอาทิตย์ที่ 18 มีนาคม พ.ศ. 2555

เปรียบเทียบให้เห็นกันชัด ๆ eco car 2012

อุณหภูมิเดือนมีนาคมทะลักจุดเดือดค่ายรถระเบิดศึกอีโคคาร์
ซูซูกิเปิดตัว “สวิฟท์ ใหม่” 21 มีนาคม ชูเครื่องใหญ่กว่าเกียร์ออโตทุกรุ่น จับ “หลุยส์ สก็อต”เป็นพรีเซนเตอร์ มิตซูบิชิพา
“มิราจ”วิ่ง ตัดหน้า 1 วัน เน้นน้ำหนักเบากว่า กินน้ำมัน 22 กม./ลิตร ดีไซน์ล้ำ ให้ออพชันเพียบเท่ารถหรู เคาะราคาเริ่มต้น 3.8 แสนบาท
แม้อุตสาหกรรมการผลิตรถยนต์ในไทยจะได้รับผลกระทบกระเทือนอย่างหนักในปี 2554
ทั้งจากผลพวงแผ่นดินไหวในญี่ปุ่นเมื่อวันที่ 11 มีนาคม และมหาอุทกภัยช่วงปลายปีที่ผ่านมา
แต่ในปี 2555 ก็มีความคาดหวังว่าการผลิตจะสามารถฟื้นตัวโดยเร็ว
ด้วยพฤติกรรมผู้บริโภคในตลาดรถเก๋งนั่งขนาดเล็กราคาประหยัด และรถปิกอัพ คึกคักที่ได้ข้อพิสูจน์ในการลุยน้ำ
ซึ่งจะส่งผลให้ยอดการผลิตรถยนต์ปีนี้ไม่ต่ำกว่า 2.1ล้านคัน

ซูซูกิ สวิฟท์ อีโคคาร์

นาย วัลลภ ตรีฤกษ์งาม ผู้ช่วยผู้จัดการทั่วไป บริษัท ซูซูกิ มอเตอร์(ประเทศไทย) จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายรถยนต์ซูซูกิในประเทศไทย เปิดเผยว่า บริษัทมีแผนเปิดตัวอีโคคาร์รุ่นใหม่ล่าสุด “ซูซูกิ สวิฟท์” เครื่องยนต์ 1.2 ลิตร รอบสื่อมวลชนในวันที่ 21 มีนาคมนี้ จากนั้นจะเปิดตัวอย่างเป็นทางการกับบุคคลทั่วไปในงานบางกอก มอเตอร์โชว์ ระหว่างวันที่ 26 มีนาคม- 8 เมษายน 2555 ที่อาคารชาเลนเจอร์ เมืองทองธานี คาดว่าจะส่งมอบให้กับลูกค้าล็อตแรกในเดือนเมษายนนี้ โดยมีเป้าหมายการขายในปี 2555 ที่ 10,000 คัน
ซูซูกิ สวิฟท์ อีโคคาร์ จะมีบทบาทสำคัญในการผลักดันแบรนด์ให้เติบโตอย่างรวดเร็ว จากเดิมปี 2552 มียอดขายเพียง 2,600 คัน ปี 2553 ยอดขาย 5,600 คัน ปี 2554 ยอดขาย 9,688 คัน มีส่วนแบ่งตลาดเกิน 1 % เป็นครั้งแรกคือ 1.24 % และในปี 2555 คาดว่า ซูซูกิจะมียอดขายรวมที่ 15,000 คัน ส่วนแบ่งตลาดเกือบ 2 %
“ตลาดอีโคคาร์ได้รับความนิยมมากขึ้นอย่างรวดเร็ว มียอดขายไม่น้อยกว่า 100,000 คัน เนื่องจากมีผู้ผลิตรถรุ่นใหม่ออกสู่ตลาดมากขึ้น เพื่อให้ทันกำหนดการคืนภาษีรถคันแรก ซึ่งจะหมดมาตรการในช่วงปลายปี 2555 นี้ แม้ว่าในช่วงน้ำท่วมใหญ่ ผู้ใช้รถส่วนหนึ่งหันไปซื้อรถปิกอัพมาขับแทน เนื่องจากปัจจุบัน น้ำมันมีราคาแพงขึ้น จึงหันมาใช้รถขนาดเล็ก อีกทั้งรถปิกอัพมีราคาแพงเป็นเจ้าของได้ยากขึ้น แต่อีโคคาร์มีราคาย่อมเยากว่า ผ่อนได้แค่เดือนละ 5,000-6,000 บาท กลุ่มลูกค้าจึงมีทั้งนักศึกษาที่เรียนอยู่หรือกลุ่มจบใหม่ ข้าราชการ ผู้ขี่รถจักรยานยนต์ ที่อยากเปลี่ยนมาขับเก๋ง 4 ล้อ กลุ่มลูกหลานเกษตรกรที่เบื่อปิกอัพอยากขับอีโคคาร์ นอกจากนี้ยังมีกลุ่มลูกค้ารถมือสองที่อยากได้รถใหม่ป้ายแดง ที่ไม่ต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่มซ้ำซ้อน”นายวัลลภกล่าว
จากการตรวจสอบของ”ฐานเศรษฐกิจ”พบว่า ค่ายซูซูกิ เลือก “หลุยส์ สก็อต” ดารานักร้องชื่อดังมาเป็นพรีเซนเตอร์ให้กับ สวิฟท์ อีโคคาร์ เพื่อสะท้อนภาพรถประหยัดพลังงานของคนรุ่นใหม่ ส่วนรายละเอียดของรถรุ่นนี้ มิติตัวถังยาว 3,850 มม. ยาวกว่ารุ่นเดิมเกือบ 100 มม. กว้าง 1,695 มม. เพิ่มจากรุ่นเดิม 5 มม. สูงเท่าเดิม 1,510 มม. ฐานล้อยาว 2,430 มม. ขยายจากรุ่นเดิม 40 มม. ความสูงใต้ท้องรถ 140 มม. น้ำหนักรถ 960-975 กก. น้ำหนัก+บรรทุกสูงสุด 1,480 กก.
เครื่องยนต์ แบบ 4 สูบ 16 วาล์ว VVT ความจุกระบอกสูบ 1242 ซีซี เกียร์อัตโนมัติ แบบ CVT ให้กำลังสูงสุด 91 แรงม้าที่ 6,000 รอบ/นาที และให้แรงบิดสูงสุด 1,118 นิวตัน-เมตรที่ 4,800 รอบ/นาที ระบบจ่ายน้ำมันแบบหัวฉีดมัลติพอยต์ MPI สามารถใช้เชื้อเพลิง แก๊สโซฮอล์ E 20 ได้ ราคาจำหน่ายยังไม่ประกาศอย่างเป็นทางการ แต่แหล่งข่าวในซูซูกิแจ้งว่าพยายามจัดหนักให้อยู่ในระดับราคา 380,000-590,000 บาท

มิราจ ตัดหน้า 20 มี.ค.

นายโอซามุ มาสุโกะ ประธาน บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส คอร์ปอเรชั่น ประเทศญี่ปุ่น เปิดเผยว่ารถยนต์ประหยัดพลังงานหรือโกลบัล สมอลล์ ในชื่อ มิตซูบิชิ มิราจ จะทำการผลิตและจำหน่ายในไทยเป็นประเทศแรกของโลกในเดือนมีนาคม 2555 ซึ่งรถรุ่นนี้จะมีบทบาทสำคัญต่อแผน JUMP 2013 หรือแผนการดำเนินงานในระยะ 5 ปีต่อจากนี้ โดยในปี 2555 มิตซูบิชิจะมีกำลังการรวม 460,000 คัน ในจำนวนนี้ จะเป็นยอดการผลิตมิตซูบิชิ มิราจ 150,000 คัน และรถปิกอัพ มิตซูบิชิ ไทรทัน 70,000 คัน ซึ่งไทยจะเป็นฐานการผลิตแห่งเดียวเพื่อส่งไปจำหน่ายทั่วโลก
กำหนดเปิดตัวมิราจกับสื่อมวลชนไทยคือวันที่ 20 มีนาคม 2555 ที่ ศูนย์การค้าเซ็นทรัล ลาดพร้าว ก่อนหน้าซูซูกิ สวิฟท์ เพียงวันเดียว มิราจใช้เครื่องยนต์แบบ 3 สูบ DOHC MIVEC 12 V ความจุกระบอกสูบ 1193 ซีซี ให้กำลังสูงสุด 78 แรงม้าที่ 6,000 รอบนาที ให้แรงบิดสูงสุด 100 นิวตัน-เมตรที่ 4,000 รอบ/นาที มีระบบ Auto Stop & Go (AS&G)ช่วยประหยัดน้ำมัน อัตราการสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง 22 กม./ลิตร สามารถใช้เชื้อเพลิงแก๊สโซฮอลล์ 91-95 และE 20 ความจุถังน้ำมัน 35 ลิตร มิติตัวถัง ยาว 2,710 มม. กว้าง 1,665 มม. สูง 1,490 มม. ฐานล้อยาว 2,450 มม. น้ำหนัก 830 -865 กก.
อีโคคาร์ของมิตซูบิชิให้ออพชันหรูหราไม่แตกต่างจากรถยนต์รุ่นใหญ่ โดยรุ่นท็อปสุด สตาร์ตและดับเครื่องด้วยการกดปุ่ม มีเครื่องเสียงพร้อมจอ DVD แบบทัช สกรีน พร้อมระบบนำทางเนวิเกเตอร์ ระบบปรับอากาศปรับอัตโนมัติ แผงคอนโซล มาตรวัด ตกแต่งด้วยโครเมียม กระจกมองข้างปรับไฟฟ้าและพับด้วยไฟฟ้า พวงมาลัย 3 ก้านแบบสปอร์ต ระบบความปลอดภัย ถุงลมนิรภัยคู่หน้า ระบบเบรก ABS พร้อมกระจายแรงเบรกอิเล็กทรอนิกส์ EBD

ยอดจองภูธรคึกคัก

นาย สุรศักดิ์ ลิ้มวัฒนาพิบูลย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท มิตซูขอนแก่นยนต์ไพบูลย์ จำกัด ตัวแทนจำหน่ายรถยนต์มิตซูบิชิที่มีสาขาขอนแก่น มุกดาหาร และกาฬสินธุ์ เปิดเผยว่า หลังจากมีการประกาศราคารถอีโคคาร์ หรือ รถในโครงการโกลบัล สมอลล์ รุ่น มิราจ ก็พบว่าลูกค้าให้การตอบรับดีเกินกว่าที่คาดไว้ และมียอดจองเข้ามาอย่างต่อเนื่อง โดยตัวเลขยอดจองในปัจจุบันแบ่งออกเป็นสาขาขอนแก่นประมาณ 50 คัน ,สาขากาฬสินธุ์ ประมาณ 20 คัน และสาขามุกดาหารประมาณ 10 คัน
ปัจจัยที่ทำให้ลูกค้าเข้ามาจองรถรุ่นใหม่เป็นจำนวนมาก คาดว่าเป็นผลมาจากนโยบายรถคันแรกของรัฐบาลที่ลูกค้าจะได้รับส่วนลด นอกจากนั้นแล้วความสดใหม่ของตัวสินค้า ซึ่งมิตซูบิชิไม่เคยมีรถยนต์ในเซ็กเมนต์นี้มาก่อน ทำให้ลูกค้าเกิดความสนใจและต้องการเป็นเจ้าของ
นายสุรศักดิ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า การเปิดตัวรถอีโคคาร์ในปีนี้และการกลับมาผลิตได้เต็ม 100% จะส่งผลให้ยอดขายรวมของทั้ง 3 สาขาในปีงบประมาณ 2555 เติบโตเป็น 2 เท่าหรือมากกว่า 5,000 คัน เมื่อเทียบกับปีงบประมาณ 2554 ที่มีตัวเลขยอดขายไม่ต่ำกว่า 2,500 คัน
ขณะที่รถยนต์อีโคคาร์อีกหนึ่งรุ่นที่จะเปิดตัวใกล้เคียงกันอย่างซูซูกิ สวิฟท์ ก็ได้รับการตอบรับจากลูกค้าทั่วประเทศ โดยจากการสำรวจของ “ฐานเศรษฐกิจ”พบว่ายอดจองของสาขาตามหัวเมืองใหญ่ในภูมิภาคต่างๆอาทิ เชียงใหม่ มียอดเข้ามาเกือบ 100 คัน พิษณุโลก มีประมาณมากกว่า 20 คัน ด้านฝั่งอีสานอย่างนครราชสีมาก็มียอดจองอย่างเป็นทางการกว่า 50 คัน ภาคใต้อย่างภูเก็ต และสงขลา ก็มียอดจองมากกว่า 50 คันเช่นเดียวกัน

จับตาทาทา นาโน

นอก เหนือจากความเคลื่อนไหวของมิตซูบิชิ และ ซูซูกิที่เชื่อว่าจะเพิ่มอุณหภูมิของวงการรถยนต์เดือนมีนาคมแล้ว อีกหนึ่งค่ายที่คาดว่าจะนำรถเล็กราคาประหยัดเข้ามาทำตลาดในไทยอย่างทาทา ก็มีข่าววงในว่าได้นำรถทาทา นาโน จำนวน 60 คัน เข้ามาศึกษาและทำวิจัยตลาดเพื่อดูความต้องการของผู้บริโภค โดยรถทั้งหมดจะให้ลูกค้าหรือดีลเลอร์ทดสอบ
นายสมพงษ์ ผลจิตจรูญ ผู้จัดการทั่วไป ฝ่ายการตลาด บริษัท ทาทา มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า ทิศทางการแข่งขันของตลาดรถยนต์ในปีนี้ โดยเฉพาะรถยนต์นั่งขนาดเล็กจะมีสัดส่วนใหญ่ขึ้น เพราะมีรถเล็กรุ่นใหม่ๆเปิดตัวสู่ตลาด ยกตัวอย่างในปีที่ผ่านมาที่ตลาด บี-เซ็กเมนต์ โตขึ้น และพฤติกรรมผู้บริโภคในกรุงเทพฯหรือในกลุ่มคนเมืองจะหันมาใช้รถขนาดเล็กแทน รถปิกอัพ
“ปัจจัยหลักๆที่จะทำให้รถเล็กโต เพราะว่าสังคมเมืองที่เปลี่ยนไป – วิถีชีวิตชนบทก็เช่นเดียวกันก็จะเปลี่ยนพฤติกรรม หันมาหารถเล็กแทนรถปิกอัพ และปัจจัยสุดท้ายคือราคาน้ำมันดีเซล ที่ดูท่าว่าจะปรับขึ้น ทำให้ความได้เปรียบของดีเซลกับเบนซินไม่แตกต่างกัน ประกอบกับรถเก๋งเครื่องเบนซิน สามารถไปติดพลังงานทางเลือกได้ อันนี้ก็จะเป็นอีกปัจจัยหนึ่ง รวมไปถึงค่าภาษี-ค่าประกันภัยต่างๆที่รถเก๋งน่าจะถูกกว่ารถปิกอัพ ปัจจัยทั้งหมดเหล่านี้จะทำให้คนหันมาหารถเก๋งมากขึ้น ”

โตโยต้า ช้าๆได้พร้าเล่มงาม

นาย ศุภรัตน์ ศิริสุวรรณางกูร ประธานกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(ส.อ.ท.)และผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่อาวุโส บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ เอเชีย แปซิฟิค เอ็นจิเนียริ่ง แอนด์ แมนูแฟคเจอริ่ง จำกัด กล่าวว่า ดูจากสถานการณ์ความต้องการใช้รถปี 2554 ยังมีความต้องการสูงในระดับหนึ่ง แต่ก็ต้องชะลอตัวไปก่อน เพราะเกิดปัญหาน้ำท่วม แต่ปี 2555 พอผู้บริโภคซ่อมบ้านเสร็จก็เริ่มกลับมามองรถใหม่ และเป็นช่วงจังหวะที่ตลาดมีตัวเลือกมากขึ้น เข้ากับกระแสรถประหยัดพลังงาน เพราะราคาน้ำมันขยับขึ้นต่อเนื่อง ดังนั้นปีนี้นอกจากรถปิกอัพจะกลับมาเป็นที่นิยมมากขึ้นแล้ว รถเก๋งนั่งขนาดเล็ก อย่างรถอีโคคาร์ที่เป็นรถประหยัดพลังงานก็เป็นอีกเป้าหมายหนึ่งที่ผู้ซื้อ สนใจเพิ่มทางเลือกให้ผู้ซื้อตัดสินใจง่ายขึ้น
“รถยนต์นั่งขนาดเล็กจะเป็นโปรดักต์แชมเปียนอันดับ2ที่รวมรถอีโคคาร์อยู่ด้วย เพราะจะมีบทบาทในการส่งออกมากขึ้นด้วยโดยเป็นไปตามเงื่อนไขของบีโอไอ บวกกับขณะนี้ญี่ปุ่นเกิดภาวะเงินเยนแข็งค่ามากจึงกลายเป็นโอกาสที่ไทยจะเป็น ฐานการส่งออกรถอีโคคาร์ที่น่าจับตามองมากขึ้น”
สำหรับการประกาศเปิดตัวรถอีโคคาร์ของค่ายมิตซูบิชิกับซูซูกิในเดือนมีนาคม นี้ แม้จะเปิดตัวช้าแต่ก็ได้รับความสนใจจากตลาดไม่แพ้กับค่ายที่เปิดตัวไปก่อน หน้านี้แล้ว เนื่องจากราคาอยู่ในระดับที่ผู้ซื้อพอใจ เช่นเดียวกับโตโยต้าที่ขณะนี้ยังไม่ประกาศเปิดตัว แต่ก็มองว่าช้าๆได้พร้าเล่มงาม เนื่องจากจะเห็นข้อดีข้อเสียว่าลูกค้าชอบ หรือไม่ชอบอะไรเราก็นำมาปรับปรุงทำให้ลูกค้าถูกใจมากขึ้น
จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจฉบับที่ 2,721 11-14 มีนาคม พ.ศ. 2555

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น