หน้าเว็บ

ประกันภัยรถยนต์

วันพฤหัสบดีที่ 27 กันยายน พ.ศ. 2555

ราคาล่าสุด Ford Focus 2013 ฟอร์ด โฟกัสใหม่ พร้อมออฟชั่นจัดเต็ม







ราคา Ford Focus 2013 โฉมใหม่ มีดังต่อไปนี้

 
4 ประตู 1.6 ลิตร แอมเบียนท์ เกียร์ธรรมดา 759,000 บาท
4 ประตู 1.6 ลิตร แอมเบียนท์ เกียร์อัตโนมัติ 799,000 บาท
4 ประตู 1.6 ลิตร เทรนด์ เกียร์อัตโนมัติ 829,000 บาท
5 ประตู 1.6 ลิตร แอมเบียนท์ เกียร์อัตโนมัติ 809,000 บาท
5 ประตู 1.6 ลิตร เทรนด์ เกียร์อัตโนมัติ 839,000 บาท
4 ประตู 2.0 ลิตร ไทเทเนี่ยม เกียร์อัตโนมัติ 959,000 บาท
5 ประตู 2.0 ลิตร สปอร์ต เกียร์อัตโนมัติ 969,000 บาท
4 ประตู 2.0 ลิตรไทเทเนี่ยม พลัส เกียร์อัตโนมัติ   1,069,000 บาท
5 ประตู 2.0 ลิตร สปอร์ต พลัส เกียร์อัตโนมัติ   1,079,000 บาท

 
ไม่รู้ว่าทุกวันนี้ผู้บริโภคชาวไทยจะมีที่ว่างในใจเหลือให้เก๋งคอมแพกต์ของฟอร์ดมากน้อยแค่ไหน เพราะถ้านับช่วง10ปีที่ผ่านมา ตั้งแต่“เลเซอร์ เทียร่า”มาถึง“โฟกัส”(เจเนอเรชัน2) ไม่อาจจะสร้างความสำเร็จทั้งในแง่ยอดขายและส่งเสริมภาพลักษณ์ของแบรนด์ได้เท่าที่ควร

 
ถ้าไม่รวม“โฟกัส ไมเนอร์เชนจ์”เครื่องยนต์ดีเซล ซึ่งเป็นรถดีและคุ้มค่าต่อราคาสูง ส่วนเรื่อง(รุ่น)อื่นๆยังเปลี่ยนความเชื่อคนไทยไม่ได้ โดยเฉพาะการกินน้ำมัน วัสดุที่ใช้ประกอบเปราะ-แตก-หัก ง่าย (หลังจากใช้เกิน 3-5 ปี) รวมถึงอะไหล่แพง ศูนย์บริการห่วย
       แน่นอนว่าความเชื่อดังกล่าวอาจจะไม่ใช่ความจริงทั้งหมด ขณะเดียวกันเมื่อหันไปมองจุดเด่นด้านอื่นๆของฟอร์ดแล้ว ยังมีอีกเพียบทั้งสุดยอดสมรรถนะการขับขี่ ช่วงล่างหนึบแน่น และการให้อุปกรณ์อำนวยความสะดวก-ปลอดภัยมากกว่ารถในคลาสเดียวกัน
       ...แต่กระนั้นเมื่อหักลบกลบหนี้ระหว่างข้อดีและข้อด้อยแล้ว คอมแพกต์คาร์ของฟอร์ดก็ยังไม่ได้รับความนิยมเท่าที่ควรอยู่ดี!?

 
สำหรับฟอร์ด โฟกัส โฉมใหม่ (Full Modelchange) เจเนอเรชันสาม ที่ย้ายฐานการผลิตจากฟิลิปปินส์มาประเทศไทย ด้วยมูลค่าการลงทุน 1.4 หมื่นล้านบาท พร้อมเนรมิตโรงงาน ฟอร์ด ไทยแลนด์ แมนูแฟคเจอริ่ง (FTM) ที่จังหวัดระยอง ซึ่งเป็นหนึ่งใน 5 โรงงานที่ได้ผลิตโฟกัสใหม่ร่วมกับ สหรัฐอเมริกา จีน รัสเซีย และ เยอรมนี
       โดยฟอร์ดย้ำว่า โฟกัส โฉมใหม่ จะให้ความโดดเด่นด้านรูปลักษณ์ ผสานเทคโนโลยียานยนต์อันชาญฉลาด วัสดุและการประกอบประณีต ระบบความปลอดภัยเหนือชั้น สมรรถนะการขับขี่ยอดเยี่ยม พร้อมประหยัดน้ำมันเป็นเลิศ ทั้งยังย้ำว่าหลังจากย้ายฐานการผลิตมายังประเทศไทยแล้ว เรื่องบริหารจัดการชิ้นส่วนอะไหล่ต่างๆจะดีขึ้น ตลอดจนเมื่อเทียบค่าบำรุงรักษาในระยะ100,000 กิโลเมตรแรกแล้ว จะถูกกว่าคู่แข่งทุกเจ้าในตลาดแน่นอน
       ...เรียกว่าพอเป็น “โฟกัส โมเดลเชนจ์”แล้ว ทุกอย่างปรับใหม่ให้ดีหมด
       อย่างไรก็ตามหลังจากฟอร์ด ประเทศไทย นำโฟกัสรุ่นเครื่องยนต์ 2.0 ลิตร มาเผยโฉมครั้งแรกในงานบางกอกมอเตอร์โชว์ 2012 ที่ผ่านมา พร้อมแจ้งราคาและเปิดรับจองเรียบร้อย เห็นว่ามียอดจองเข้ามากว่า 500 คัน ซึ่งคนที่จองรถล็อตแรกนี้จะถูกยกระดับเป็นลูกค้าวีไอพี มีสิทธิพิเศษมากมาย และจะได้รับรถภายในเดือนกรกฎาคมนี้ ส่วนรุ่น 1.6 ลิตร หลังการเปิดตัวอย่างเป็นทางการ 8 สิงหาคมนี้ ก็จะเริ่มทยอยส่งมอบทันทีเช่นกัน
       โดยเครื่องยนต์เบนซิน ดูราเทค 1.6 ลิตร Ti-VCT 125 แรงม้า และเกียร์พาวเวอร์ชิฟท์ 6 สปีด ยกมาทั้งชุดจากเฟียสต้า ซึ่งระบบขับเคลื่อนชุดนี้ต้องนำเข้ามาจากประเทศอินเดีย ส่วนรุ่นเครื่องยนต์ 2.0 ลิตรที่ผู้เขียนได้ลองขับเป็นบล็อกที่นำเข้ามาจากประเทศอังกฤษ

 
สำหรับเครื่องยนต์เบนซิน ดูราเทค Gdiไดเรกอินเจกชัน ฉีดจ่ายน้ำมันตรงเข้าสู่ห้องเผาไหม้ ขนาด 2.0 ลิตร DOHC 4 สูบ 16 วาล์ว มาพร้อมระบบแปรผันแคมชาฟท์แบบอิสระคู่ Ti-VCT (วาล์วไอดี-ไอเสียแปรผัน) ให้กำลังสูงสุด 170 แรงม้าที่ 6,600 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 202 นิวตัน-เมตรที่ 4,450 รอบต่อนาที ส่งกำลังด้วยเกียร์คลัทซ์คู่(คลัทซ์แบบแห้ง) พาวเวอร์ชิฟท์ 6 สปีด
       โดยบุคลิกการขับขี่ของ“โฟกัส 2.0” จะออกแนวสุขุมนุ่มลึกมากกว่าความสปอร์ตจี๊ดจ๊าด หรือถ้าเทียบกับ“ซีวิค 2.0 ลิตร”ย่อมเป็นคนละอารมณ์ชัดเจน ส่วนหนึ่งเพราะการออกตัวหรืออัตราเร่งในย่านความเร็วต่ำไม่ได้พุ่งพล่านทันใจนัก หลายจังหวะต้องกดคันเร่งลงไปลึกหน่อย รอให้รอบดีดเกิน 3,000 ถึงจะรับรู้ถึงการฉุดดึง 
       อย่างไรก็ตามถ้าถามผู้เขียนว่าอืดไหม? ก็ตอบได้ว่ารถรุ่นนี้ไม่ถึงอืดครับ ซึ่งการขับขี่ในชีวิตประจำวันทั้งในเมืองและนอกเมืองการตอบสนองของระบบขับเคลื่อนโดยรวมอยู่ในเกณฑ์ดี แต่ถ้ามองว่านี่คือเครื่องยนต์ 2.0 ลิตร 170 แรงม้า และถ้าเทียบกับเก๋งคอมแพกต์กับเจ้าอื่นๆแล้ว ในส่วนของตีนต้นหรืออัตราเร่ง“โฟกัส 2.0 ลิตร” น่าจะทำได้ดีกว่านี้

 
 ส่วนการขับออกนอกเมืองใช้ความเร็วสูง เมื่อรถลอยลมก็ขับสนุกครับ โดยจังหวะบี้คันเร่ง-เข่นเพิ่มความเร็ว เจ้าเกียร์ “พาวเวอร์ชิฟท์” ยังทำงานฉับไว ยิ่งเกียร์ 4-5-6 จะส่งกำลังได้ไหลลื่นและเรียบเนียน ไม่รู้สึกถึงอาการกระตุกใดๆ
       ส่วนการเลือกเปลี่ยนเกียร์เองสามารถทำได้โดยใช้นิ้วโป้งกดปุ่ม + , - ที่หัวเกียร์ ซึ่งตรงนี้ใช้งานยากกว่าการโยกคันเกียร์หรือแบบมีแพดเดิลชิฟท์หลังพวงมาลัย(จนไม่น่าเล่น) ดังนั้นถ้าอยากขับแบบดุดันเอามัน ก็เลื่อนตำแหน่งเกียร์ลงมาที่โหมด S (Spot) ซึ่งรอบเครื่องยนต์จะรออยู่แถวๆ 3,000 รอบ แค่นี้ก็ขับสนุกมากขึ้นแล้ว
       ทั้งนี้การเปลี่ยนตำแหน่งเกียร์จาก P R N D และ S คันเกียร์จะแข็งกว่า “ซีวิค” นิดๆ ซึ่งอาจจะต้องใช้แรงเพิ่มอีกหน่อย (ส่วนอัลติสเป็นแบบขั้นบันไดซึ่งดีอยู่แล้ว) แต่ก็ทำให้การเปลี่ยนเกียร์ได้มั่นใจไม่ “หลุด-ไถล-เลย”เหมือนซีวิค (ผู้เขียนอาจจะเป็นคนมือหนักเอง)

 
 ขณะที่ระบบพวงมาลัยที่หันมาใช้แบบผ่อนแรงด้วยไฟฟ้าแทนแบบไฮดรอลิกเดิม ฟอร์ดก็ทำการบ้านมาเป็นอย่างดี โดยน้ำหนักเบามือจริงมือขับความเร็วต่ำ ซึ่งผู้เขียนว่าช่วยให้การเลี้ยวหรือถอยจอดคล่องแคล่ว แต่ถ้าขับทางไกลใช้ความเร็วสูง 100-120 กม./ชม.น้ำหนักพวงมาลัยจะหน่วงขึ้นและนิ่งอย่างไม่น่าเชื่อ
       การควบคุมในโค้งให้ความแม่นยำ พร้อมสั่งงานแน่นกระฉับมือ ทั้งนี้ฟอร์ดแจ้งว่า เมื่อเทียบระหว่างรุ่นเก่ากับรุ่นใหม่ อัตราทดของพวงมาลัยจะลดลงจาก 16:1 มาอยู่ที่ 14.7:1 จึงมีส่วนช่วยการตอบสนองและการบังคับทิศทางที่ดีขึ้น ขณะเดียวกันยังมีระบบชดเชยน้ำหนักบนพวงมาลัย (Pull-Drift Compensation) ที่ช่วยผ่อนแรงหรือลดความเครียดในการควบคุมพวงมาลัยเมื่อขับบนถนนขรุขระหรือมีลมปะทะแรงจากด้านข้าง
       นอกจากนี้ฟอร์ดยังเคลมว่าระบบพวงมาลัยพาวเวอร์อิเล็กทรอนิกส์(EPAS) ที่ถูกติดตั้งเป็นมาตรฐานในโฟกัส ใหม่ทุกรุ่น จะช่วยให้รถประหยัดน้ำมันลง 3% เมื่อเทียบกับพวงมาลัยพาวเวอร์แบบไฮดรอลิกทั่วไป 
       สำหรับระบบพวงมาลัยที่ว่าดี ยังสอดคล้องกับความยอดเยี่ยมของการออกแบบช่วงล่างและการเก็บเสียงรบกวนจากภายนอก ซึ่งผู้เขียนมองว่า “โฟกัส โฉมใหม่” ทำได้ดีที่สุดในคลาส (Best in class) 
       …นอกจากชุดเครื่องเสียงคุณภาพดีที่ติดตั้งมาให้ เพื่อขับกล่อมระหว่างการเดินทางแล้ว เมื่อคุณปิดทุกอย่างลงหวังอยู่เหงาๆคนเดียว คุณก็ได้สิ่งนั้นทันที โดยภายในห้องโดยสารของ “โฟกัส ใหม่” ค่อนข้างนิ่งเงียบเมื่อเทียบกับรถในคลาสเดียวกันหรือแทบจะไร้เสียงลมปะทะและยางบดถนน เมื่อขับขี่เกิน 100 กม./ชม.ขึ้นไป
       ขณะที่แรงสั่นอาการสะเทือนจากภายนอกและพื้นถนน โครงสร้างตัวถังและช่วงล่างของ“โฟกัส ใหม่”ก็จัดการได้อยู่หมัด ซึ่งเป็นผลมาจากเพิ่มความแข็งแรงของจุดเชื่อมต่างๆ พร้อมการติดตั้งฉนวนกันเสียงและวัสดุซับเสียงเพิ่มเติมในหลายๆจุด
       ส่วนช่วงล่างถูกปรับใหม่หมด ทั้งสปริง โช้ก และกันโคลง ซึ่งวิศวกรหวังรักษาทั้งเสถียรภาพการทรงตัวและการลดน้ำหนักของชิ้นส่วนไปพร้อมๆกัน โดยด้านหน้าแบบอิสระแมคเฟอร์สัน สตรัท หลังเป็นอิสระแบบมัลติลิงค์ เซ็ทมาได้หนึบแน่น ขับทางตรงเหยียบ120-140 กม./ชม.ภายในห้องโดยสารไม่ได้เต้นไปตามความเร็วและลอกคลื่นของพื้นถนน
       ในตำแหน่งผู้ขับยังรู้สึกแนบแน่นเกาะถนน ไม่ว่าจะผ่านโค้งขึ้นเขาหรือลงเขา ซึ่งโฟกัส ใหม่ ถ่ายเทน้ำหนักหน้า-หลังดี แถมประสิทธิภาพการทรงตัวเป็นเลิศ เหนืออื่นใดถ้าใช้ความเร็วต่ำหรือขับช้าๆผ่านรอยต่อคอสะพาน ระบบรองรับยังซับแรงสะเทือนจากพื้นถนนได้อย่างยอดเยี่ยม

 
       เรียกว่าช่วงล่างใหม่ให้ความมั่นใจได้ทุกสถานการณ์ แถมยังนั่งนิ่มสบายเมื่อขับขี่ในเมือง แต่กระนั้นถ้านั่งเป็นผู้โดยสารด้านหลังอาจจะรู้สึกอึดอัดไปสักนิด ทั้งพื้นที่ว่างช่วงขาและช่วงหัว ที่สำคัญเบาะรองนั่งยังออกแนวสั้น ขณะที่พนักพิงหลังก็ชันไปนิด (ส่วนหนึ่งเพราะโครงสร้างของช่วงล่างหลังที่มีชิ้นส่วนเยอะ ย่อมกินพื้นที่ภายในห้องโดยสารเป็นธรรมดา แต่ถ้าอยากกว้างต้อง โคโรลล่า อัลติส ที่เป็นคานแข็ง)
       เช่นเดียวกับตำแหน่งผู้ขับการวางขาอาจจะรู้สึกขยับขยายลำบากเช่นกัน ซึ่งคนตัวสูงคงต้องถอยเบาะและดึงพวงมาลัยตามเข้ามาหาตัวเพื่อให้การขับถนัดมากขึ้น (แต่ต้องคำนึงถึงทัศนวิสัยด้านหน้าด้วย)
Focus 2013 โฉมใหม่ 2.0 ที่ผู้เขียนได้ลองเป็นตัวถัง “แฮทซ์แบ็ก” รุ่นสปอร์ต พลัส ใช้เบาะหนังสลับผ้า ซึ่งให้ความนุ่มสบายและกระชับสรีระพอสมควร ขณะที่การตกแต่งรวมๆออกแนวหรูหราเลยครับ ทั้งพวงมาลัยที่ประดังไปด้วยปุ่มควบคุมมากมาย คันเกียร์ คอนโซล แผงประตู รวมถึงการติดตั้งซันรูฟเพิ่มมูลค่าความเท่มาให้อีกด้วย

 
 ด้านอัตราบริโภคน้ำมัน ฟอร์ดเคลมว่า “โฟกัส ใหม่” รุ่นเครื่องยนต์ 2.0 ลิตร เกียร์พาวเวอร์ชิฟท์ (ถ้ารุ่นเกียร์ธรรมดาจะมีอยู่ใน 1.6 ตัวถังซีด่านเพียงรุ่นเดียว) จะทำตัวเลขเฉลี่ยได้ 14.9 กม./ลิตร ส่วนการขับขี่ของผู้เขียนที่ได้ทดสอบเองทำได้ 9-10 กม./ลิตร (หน้าจอจะแสดงผลเป็น ลิตรต่อ 100 กม.)
       รวบรัดตัดความ...แม้จังหวะออกตัวจะออกแนวเนิบนุ่ม แต่ไม่ถึงกับเป็นข้อด้อยในการขับขี่โดยรวมซึ่งเครื่องยนต์และเกียร์ผสานการทำงานได้อย่างลงตัว ช่วงล่างและการเก็บเสียงภายในห้องโดยสารน่าจะดีที่สุดในบรรดาคู่แข่งระดับเดียวกัน “หนึบเนียนนิ่ง” ไร้ที่ติ ดังนั้นถ้าวัดกันที่ตัวรถเพียวๆ ทั้งสมรรถนะการขับขี่ ออปชัน พร้อมความหรูหราที่ได้รับเกินราคาที่จ่ายไป คงต้องตัดสินใจซื้อ“ฟอร์ด โฟกัส ใหม่”...เว้นแต่จะมีเหตุผลอื่น?

2 ความคิดเห็น:

  1. ไม่ระบุชื่อ30 ธันวาคม 2555 เวลา 20:03

    โดนใจสุดๆ เลย.. ^_^

    ตอบลบ
  2. ไม่ระบุชื่อ30 ธันวาคม 2555 เวลา 20:08

    ชอบฟอร์ดมานานแล้ว ยิ่งออกตัวนี้มา.. สุดยอดดด..!!! ขอบอก.. ^_^

    ตอบลบ