หน้าเว็บ

ประกันภัยรถยนต์

วันพฤหัสบดีที่ 24 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

มาสด้าเสริมทัพชุดใหญ่ส่งมาสด้า3 ใหม่ 1.6 ลิตร เริ่มต้นที่ 7 แสนกว่า


บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดตัวมาสด้า3 ใหม่ เครื่องยนต์ 1.6 ลิตร เสริมทัพทั้งแฮ็ชต์แบ็ค 5 ประตู และซีดาน 4 ประตู ชูความโดดเด่นด้านดีไซน์ความเป็นสปอร์ตโฉบเฉี่ยวเหนือระดับ ภายใต้คอนเซ็ปต์ "MAKE YOUR MARK" ปฏิเสธ...ทุกความธรรมดาพร้อมกันนี้ยังปรับโฉมรถยนต์นั่งสปอร์ตมาสด้า2 ด้วยการเพิ่มออฟชั่นเบสต์อินคลาสและใส่อุปกรณ์มาตรฐานหลายรายการ คาดปีนี้ยอดขายทะลุ 60,000 คัน

นายโชอิชิ ยูกิ กรรมการผู้จัดการ บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ตลาดรถยนต์ของประเทศไทยกำลังเดินหน้าอย่างเต็มที่หลังจากที่สถานการณ์ต่างๆ ได้คลี่คลายไปมากแล้ว การเปิดตัวมาสด้า 3 ใหม่ในครั้งนี้ถือเป็นเจเอนเรชั่นที่สอง ปีนี้มาสด้าตั้งเป้ายอดขายไว้สูงถึง 60,000 คัน โดยเฉพาะรถยนต์นั่งตั้งเป้าไว้สูงถึง 40,000 คัน และรถปิกอัพมาสด้า บีที-50 โปร อีกจำนวน 20,000 คัน
มาสด้า 3 ใหม่ เครื่องยนต์ 1.6 ลิตร ยังคงเน้นไปที่รูปลักษณ์ความเป็นสปอร์ต นอกจากแพ็คเกจภายนอก-ภายในที่โดดเด่นแล้วยังมาพร้อมกับสมรรถนะของการขับขี่สไตล์ ซูม-ซูม ของมาสด้า รวมถึงอุปกรณ์ความปลอดภัย ฟังก์ชั่นการใช้งานครบครัน อุปกรณ์เสริมความสะดวกสบายต่างๆ เบาะนั่งหนังทรงสปอร์ตบัคเก็ตซีท (Sport Bucket Seat) มาพร้อมระบบปรับอากาศอัตโนมัติแยกอิสระซ้ายขวา ไฟหน้าโปรเจคเตอร์แบบ 4-Beam พร้อมไฟตัดหมอกแต่งด้วยดีฟิวเซอร์
หน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่ MID (Multi Information Display) พร้อมปุ่มควบคุมที่พวงมาลัย ล้ออัลลอยด์ลายสปอร์ต 16 นิ้ว วัสดุที่ใช้เน้นคุณภาพและความหรูหรา รวมถึงวัสดุที่เลือกใช้เหนือกว่ารถในระดับเดียวกัน ด้วยเทคโนโลยีการออกแบบที่ทันสมัยและการลดน้ำหนักส่วนเกินที่ไม่จำเป็นบนตัวรถ ทำให้รถไม่มีอาการแบกน้ำหนัก
มาสด้า3 ใหม่ 1.6ลิตร มีให้เลือกถึง 3 รุ่น 7 สี ประกอบด้วย สีขาว อาร์กติกไวท์ สีดำแบล็กไมก้า สีบรอนซ์เงินไฮไลท์ซิลเวอร์ สีเทาเมโทรโพลิตัลเกรย์ สีแดงทรูเรด สีน้ำเงินออโรร่าบลู และสีทองสปาคกลิ้งโกลด์ นอกจากนี้มาสด้า3 ยังเปิดราคาเริ่มต้นเพียง 755,000 บาท

Mazda3 1.6L Groove ซีดาน 4 ประตู เกียร์อัตโนมัติอัจฉริยะแอคทีฟเมติค ภายในสีดำ เบาะผ้า
ล้ออัลลอยด์ 15 นิ้ว ราคาจำหน่าย 755,000 บาท

Mazda3 1.6L Spirit ซีดาน 4 ประตู เกียร์อัตโนมัติอัจฉริยะแอคทีฟเมติค ภายในสีดำ เบาะผ้า
ล้ออัลลอยด์ 16 นิ้ว ราคาจำหน่าย 825,000 บาท

Mazda3 1.6 Spirit Sports แฮ็ชต์แบ็ค 5 ประตู เกียร์อัตโนมัติอัจฉริยะแอคทีฟเมติค ภายในสีดำ เบาะหุ้มหนังสีดำ ล้ออัลลอยด์ 16 นิ้ว ราคาจำหน่าย 869,000 บาท

นอกจากนี้มาสด้ายังมีมาสด้า3 รุ่นเครื่องยนต์ 2000 ซีซี. เกียร์อัตโนมัติอัจฉริยะแอคทีฟเมติค 5 สปีด ที่ให้ความสปอร์ตทั้ง 4 ประตู และ 5 ประตู จำหน่ายในราคาเดียวกันคือ 1,064,000 บาท

วันเสาร์ที่ 12 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

Honda Civic 2012 เทคโนโลยีไม่ธรรมดา รองรับน้ำมัน E85


Honda Civic 2012 เปิดตัวอย่างเป็นทางการเรียบร้อยแล้วในวันนี้(10 พฤษภาคม 2555) ในที่สุดก็เปิดตัวอย่างเป็นทางการเสียที หลังจากที่ปล่อยให้คนรักซีวิคหลายๆ ท่านรอมานาน ที่จริงแล้วตามแผนเดิม ทาง Honda จะจัดเปิดตัวรถรุ่นนี้ตั้งแต่งาน Motor Expo 2011 โน่นเลย แต่ก็จำเป็นต้องเลื่อนออกไปด้วยเหตุที่น้องน้ำ(ท่วม)มาเยือนจนต้องปิดโรงงานและหยุดสายการผลิตไปร่วม 6 เดือน อย่างที่เราทราบกันดีนั่นแหละครับ เรียกว่าดราม่ากันสุดๆ
Honda Civic 2012
Honda Civic 2012
หลายท่านที่ได้ไปงาน บางกอก มอเตอร์โชว์ 2555 ล่าสุดที่ผ่านมา อาจจะได้เห็นตัวจริงจะๆ ของ ซีวิคใหม่ กันไปแล้ว เพียงแต่ว่าในครั้งนั้น ทาง Honda ไม่ได้เผยข้อมูลในเชิงลึกออกมามากนัก เรียกว่ามาโชว์ตัวเฉยๆ ว่างั้นเถอะ 
ฮอนด้า ซีวิค 2012 รหัสตัวถัง FB นับเป็นซีวิคเจนเนอเรชั่นที่ 9 กันแล้วครับ ออกโฉมใหม่รอบนี้เคาะราคาเริ่มต้นที่ 773,000 – 1,124,000 บาท และถือเป็นรุ่นแรกของ Honda ที่สามารถเติมน้ำมัน E85 ได้ พร้อมชูจุดขายด้วยการใส่เทคโนโลยีมาเพียบ แต่จะมีอะไรบ้างนั้น เรามาติดตามดูกันเลยครับ
Honda Civic 2012
Honda Civic 2012 ด้านหน้ารถ

การออกแบบภายนอกของ Honda Civic 2012

เริ่มที่ด้านหน้ารถของ Civic FB คันนี้กันก่อนเลยครับ ตัวกระจังหน้ามาแบบสามช่องแอบแต่งหรูนิดๆ ด้วยโครเมียม ซึ่งยาวจรดต่อเนื่องเข้ากันเป็นอย่างดีกับชุดไฟหน้าที่มาแบบโปรเจคเตอร์ พร้อมปรับระดับอัตโนมัติ ในส่วนของกันชนหน้ามาพร้อมกับเส้นสายและเหลี่ยมมุมที่ดูเหมือนจะมากไปนิด คิดว่าน่าจะมาจากต้องการออกแบบให้ตัวรถดูกว้างขึ้น กันชนหน้าเลยออกมาแบบที่เห็น ก็ถือว่าดูดี ไม่เหมือนใคร แต่ก็แอบหวังไว้เล็กๆ ว่า ทาง Honda จะปรับแต่งในส่วนนี้อีกนิดในช่วงไมเนอเชจน์ รับรอง สวย หล่อ ขึ้นกว่าเดิมอีกแน่นอน 
Honda Civic 2012
Honda Civic 2012 ด้านข้างตัวรถ เส้นสายสวยงามลงตัวตามหลักแอร์โรไดนามิค พร้อมติดตั้งไฟเลี้ยวที่กระจกมองข้าง
โดยรวมแล้วตัวรถดูดีใช้ได้นะครับ สำหรับซีวิคใหม่โฉมนี้ แต่จะด้วยที่แนวทางการออกแบบเป็นไปตามแนวคิด “เรียบ มีพลัง” หรือเปล่าก็ไม่อาจทราบได้ ทำให้เผยโฉมออกมา ในแวบแรก ผมรู้สึกว่ามันเรียบเกินไป และคล้ายกับ City ไปหน่อย
Honda Civic 2012
Honda Civic 2012 ด้านท้ายรถ กันชนหลังโล่งๆ ไปหน่อยแต่ก็ดูดี ใช้ได้เลย

การออกแบบภายในของ Honda Civic 2012

การออกแบบภายในห้องโดยสารของ ฮอนด้า ซีวิค 2012 ใหม่ มาแบบใส่เต็มที่ ตามแนวคิด “ฉลาด ล้ำยุค” แต่จะล้ำยุคจริงไหม มาดูกันเลยครับ
Honda Civic 2012
Honda Civic 2012 ภายในห้องโดยสาร แผงคอลโชลกลางออกแบบให้เอียงเข้าหาฝั่งผู้ขับขี่
เริ่มที่ชุดแผงคอลโซลกลางที่ออกแบบให้ใช้งานได้สะดวกสบายเอาใจผู้ขับขี่ ด้วยการออกแบบให้เอียงเข้าหาฝั่งคนขับ พร้อมติดตั้งจออัจฉริยะ i-MID ขนาดใหญ่ จนเรียกได้ว่าใหญ่พอๆ กับจอ Navi เลยก็ว่าได้ อาจจะดูโล่งๆ ปุ่มมันน้อยเกินไป แต่เมื่อดูไปถึงประโยชน์ใช้สอยของมันแล้ว ก็ถือว่ามีดีพอตัว ซึ่งนอกจากจะเป็นระบบนำทางเนวิเกเตอร์ในตัว และแสดงผลข้อมูลที่จำเป็นในการขับขี่ได้ครบครั้นแล้ว ยังสามารถเชื่อมต่อกับ iPhone, USB ได้สบายๆ พร้อมแสดงข้อมูลรายชื่อเพลงต่างๆ รายชื่อและเบอร์โทรศัพท์ หรือจะตั้ง Wallpaper ก็ทำได้สบายๆ
Honda Civic 2012
Honda Civic 2012 ชุดพวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่น
พวงมาลัยแนวสปอร์ตสามก้านแบบมัลติฟังก์ชั่น พร้อมติดตั้งสวิตช์ควบคุมระบบ i-MID และสวิตช์ควบคุมเครื่องเสียง พร้อมปุ่มรับ-วางสายโทรศัพท์ก็ถูกติดตั้งมาให้ด้วยครับ นอกจากนี้ในรุ่นท๊อบ Civic 2.0EL AT Navi ยังเพิ่มความสะดวกสบาย ด้วยการติดตั้งระบบควบคุมการเปลี่ยนเกียร์ที่พวงมาลัย หรือ Paddle Shift มาให้ด้วยครับ
นอกจากนี้ยังมีการออกแบบให้เบาะโดยสารด้านหน้านั่งนุ่มขึ้น เบาะหลังนั่งสบายกว่าเดิม ในส่วนของพนักพิงส่วนหัวก็ดันหัวน้อยลงกว่ากว่ารุ่นก่อนหน้าครับ
มาดูกันต่อในส่วนของขุมพลังเครื่องยนต์กันดีกว่า

เครื่องยนต์ของ Honda Civic 2012

ขุมพลังของ Civic FB มีทั้งหมด 2 รุ่นด้วยกัน คือ
  • เครื่องยนต์ SOHC แบบ 4 สูบ 16 วาล์ว i-VTEC 2.0 ลิตร ให้กำลังออกมาสูงสุด 155 แรงม้า ที่ความเร็วรอบ 6500 รอบต่อนาที และสามารถให้แรงบิดออกมาสูงสุดที่ 19.4 กก.-เมตร ที่ความเร็วรอบ 4300 รอบต่อนาที
  • เครื่องยนต์ SOHC แบบ 4 สูบ 16 วาล์ว i-VTEC 1.8 ลิตร ให้กำลังออกมาสูงสุด 141 แรงม้า ที่ความเร็วรอบ 6500 รอบต่อนาที และสามารถให้แรงบิดออกมาสูงสุดที่ 17.7 กก.-เมตร ที่ความเร็วรอบ 4300 รอบต่อนาที
ตัวเครื่องยนต์มีการปรับแต่งใหม่ให้สามารถเติมน้ำมัน E85 ได้ด้วย ช่วยในเรื่องความประหยัดไปได้เหมือนกัน นอกจากนี้ยังมีการปรับปรุงใหม่ในด้านของการลดมลพิษของไอเสียที่ปล่อยออกมาตามมาตรฐาน EURO4 และลดแรงเสียดทานของชิ้นส่วนภายในเครื่องยนต์เพิ่มประสิทธิภาพการทำงานให้ดีขึ้น (แต่ไม่รู้ว่า เจ้าเสียง ต๊อก ต๊อก ยังอยู่เหมื่อนเดิมหรือเปล่านะ  ต้องติดตามผลกันดูอีกที)
Honda Civic 2012
เครื่องยนต์ของ Honda Civic 2012
ในส่วนของระบบส่งกำลังก็มีให้เลือกทั้งระบบเกียร์ธรรมดาแบบซินโครเมท 5 สปีด และระบบเกียร์อัตโนมัติ 5 สปีด ที่ควบคุมด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ Grade Logic Control พร้อมด้วย Direct Control และระบบ Shift Hold

ระบบความปลอดภัยของ Honda Civic 2012

ในด้านความปลอดภัย Civic ใหม่ ก็จัดมาให้อย่างครบครัน ที่เด่นๆ มีอะไรบ้างนั้นดูกันตามรายการด้านล่างเลยครับ
  • โครงสร้างห้องโดยสารแบบ G-Force Control (G-CON) ช่วยลดความเสียหาย และอันตรายจากการชน
  • ถุงลมนิรภัยคู่หน้า Dual SRS
  • ถุงลมนิรภัยด้านข้างคู่หน้าระบบอัจฉริยะ i-Side Airbags
  • ระบบเบรค ABS ป้องกันล้อล็อค
  • ระบบช่วยควบคุมการทรงตัวของรถ VSA (Vehicle Stability Assist)
  • ระบบบังคับเลี้ยวช่วยลดการเกิดอาการหน้าดื้อโค้ง หรือปัญหาท้ายปัด (Motion Adaptive Electric Power Steering)
Honda Civic 2012
Honda Civic 2012


Chevrolet Cruze 2012 แรงยิ่งขึ้นอีก ทั้งยังใส่ใจสิ่งแวดล้อม


เชฟโรเลต ได้ทำการแนะนำ ครูซ 2012 ซึ่งมาพร้อมกับพละกำลังที่แรงยิ่งขึ้น และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม พร้อมเพิ่มอุปกรณ์อำนวยความสะดวกเพื่อการขับขี่ที่ตอบสนองได้ดียิ่งกว่าเดิม
เชฟโรเลต ครูซ 2012 (Chevrolet Cruze 2012) ขับเคลื่อนด้วยขุมพลังดีเซลเทอร์โบบล็อกใหม่ ความจุ 2.0 ลิตร DOHC แรงขึ้นด้วยตัวเลขพละกำลังสูงสุดถึง 163 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 360 นิวตันเมตร ด้วยมาตรฐานมลพิษไอเสียยูโร 4 จึงเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
เครื่องยนต์บล็อกใหม่ของครูซ 2012 ได้รับการพัฒนาในหลายจุดใหม่ ทั้งความดันคอมมอนเรล 180 บาร์ การลดอัตราส่วนกำลังอัด การปรับปรุงหัวเผาใหม่ ปรับแต่งพอร์ทฝาสูบเพื่อเพิ่มความไหลลื่นของอากาศเข้าเครื่องยนต์ นอกจากเพิ่มอัตราเร่งและความประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิงให้ดียิ่งขึ้น
เครื่องยนต์ของเชฟโรเลต ครูซ 2012 ยังได้รับปรับแต่งเพลาถ่วงสมดุล เพื่อลดเสียงรบกวนและลดอาการสั่น เพิ่มความนุ่มนวลขณะขับขี่ได้มากกว่าเดิมอีกด้วย
สำหรับเชฟโรเลต ครูซ เบนซิน 1.8 ลิตร มาพร้อมเครื่องยนต์ที่รองรับเชื้อเพลิง E20 ซึ่งประหยัดมากขึ้น และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมยิ่งกว่าเดิม
นอกจากขุมพลังบล็อกใหม่แล้ว เชฟโรเลต ครูซ รุ่นปี 2012 ยังเสริมความโดดเด่น ด้วยอุปกรณ์อำนวยความสะดวกและความบันเทิงเพิ่มเติม ไม่ว่าจะเป็น ระบบพวงมาลัยพาวเวอร์ไฟฟ้า (EPS) และระบบเชื่อมต่อโทรศัพท์บลูทูธแฮนด์ฟรี ซึ่งมีอยู่ในรถทุกรุ่นย่อย
ระบบพวงมาลัยพาวเวอร์ไฟฟ้า ไม่เพียงช่วยให้การขับขี่ในเมืองทำได้อย่างง่ายดายยิ่งขึ้น แต่ยังช่วยลดการทำงานของเครื่องยนต์ เนื่องจากไม่ต้องทำงานร่วมกับปั๊มไฮโดรลิกเหมือนระบบบังคับเลี้ยวแบบเดิม ส่งผลต่ออัตราบริโภคน้ำมันที่ประหยัดมากกว่า
ในขณะที่รูปลักษณ์ภายนอกของเชฟโรเลต ครูซ รุ่นปี 2012 โดดเด่นด้วยเฉดสีตัวถังภายนอกแบบใหม่ ทั้งสีบรอนซ์ Switchblade Silver สีแดง Sizzle Red และสีขาว Summit White
สำหรับราคาเริ่มต้นในรุ่น 1.8LS อยู่ที่ราคา 895,000 บาท และรุ่นท็อปไลน์ ดีเซล 1,248,000 บาท

วันพฤหัสบดีที่ 10 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

ฮอนด้า ซีวิค โฉมใหม่ เจเนอเรชันที่ 9 พร้อมขาย ราคา773,000 -1,124,000 บาท


ซีวิค โฉมใหม่ เปิดตัวอย่างเป็นทางการ ชูดีไซน์เฉียบคม ที่อัดแน่นด้วยเทคโนโลยีทันสมัยใหม่สุด สำหรับเครื่องยนต์ขนาด 1.8 และ 2.0 ลิตร ใช้บล็อกเดิมแต่พัฒนาให้รองรับแก๊สโซฮอลล์ อี85 โดยแบ่งเป็น 5 รุ่นย่อย ราคา773,000 -1,124,000 บาท
honda civic  ฮอนด้า ซีวิค โฉมใหม่  เจเนอเรชันที่ 9 ถูกพัฒนาขึ้นภายใต้แนวคิด  รถยนต์คอมแพ็คท์ที่โดดเด่นและล้ำสมัย ได้รับการออกแบบให้สอดคล้องกับหลักอากาศพลศาสตร์ ด้วยรูปทรงแบบ Mono-form แสดงให้เห้นถึงเส้นสายของตัวถังที่ดูทรงพลัง ส่วนภายในห้องผู้โดยสารออกแบบให้มีความล้ำสมัยในแบบ Futuristic cockpit เบาะนั่งโอบกระชับตามสรีระผู้ขับขี่ พร้อมจัดวางทุกรายละเอียดอย่างลงตัวทั้งด้านกว้างด้านยาว ด้วยแนวคิด  Man Maximum & Machine Minimum  ให้ความรู้สึกที่กว้างและสบายยิ่งขึ้นอีกมาก
ฮอนด้าได้เสริมเทคโนโลยีใหม่ๆอย่าง เช่น ระบบบังคับเลี้ยวพร้อมระบบช่วยผ่อนแรงแบบใหม่ที่เรียกว่า Motion Adaptive Electric Power Steering System รวมไปถึงหน้าจอแสดงผลอัจฉริยะ Intelligent Multi-Information Display (i-MID) ระบบช่วยการขับประหยัดน้ำมัน หรือ Eco Assist และระบบช่วยควบคุมการทรงตัว (VSA) รุ่นใหม่สุด
ซีวิค โฉมใหม่ ยกเว้นรุ่น Navi จะมาพร้อมกับการติดตั้งหน้าจอสีขนาด 5 นิ้วเพื่อแสดงข้อมูลอัจฉริยะ (i-MID) โดยจะทำหน้าที่แสดงผลข้อมูลเกี่ยวกับตัวรถ และข้อมูลเกี่ยวกับระบบเสียง รวมถึงหน้าปกของอัลบั้มเพลงนั้นๆ โดยผู้ขับสามารถที่จะปรับตั้งการทำงานของระบบต่างๆ ให้สอดคล้องกับความต้องการของตัวเองได้ด้วย รวมถึงการติดตั้งวอลล์เปเปอร์ของหน้าจอเป็นภาพที่ตัวเองต้องการ  ตลอดจนแผงมาตรวัดแบบ 2 ชั้น ช่วยลดระยะทางในการเคลื่อนที่ของสายตาในการมองเพื่อรับทราบข้อมูลต่างๆ จากชุดมาตรวัด แผงมาตรวัดเรืองแสงสีฟ้าพื้นสีขาว จะเรืองแสงขึ้นอัตโนมัติเพื่อต้อนรับผู้ขับขี่ในขณะที่ก้าวเข้าสู่ห้องโดยสาร และจะสว่างขึ้นแบบ 100% เมื่อเสียบกุญแจสตาร์ทเอาไว้
ด้านเครื่องเล่นวิทยุ CD รองรับแผ่น CD-Rs WMA และไฟล์ MP3 พร้อมช่อง AUX USB และระบบเชื่อมต่อโทรศัพท์แบบไร้สาย Bluetooth (เฉพาะรุ่น 1.8E AT, 1.8E AT Navi และ 2.0EL Navi) มีระบบปรับระดับเสียงอัตโนมัติตามความเร็วรถ
นอกจากนี้ยังใส่ออปชัน ECON Mode ช่วยปรับแต่งค่าต่างๆ ของตัวรถให้มีความประหยัดน้ำมันสูงสุด ในขณะขับขี่เพิ่มขึ้น ตลอดจนระบบช่วยการขับขี่แบบประหยัดน้ำมัน (Eco Assist) ซึ่งจะแสดงผลบนแผงมาตรวัดเพื่อช่วยให้ผู้ขับมีการพัฒนาและรักษารูปแบบการขับขี่แบบประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิง
ในรุ่น 1.8E Navi และ2.0EL Naviมาพร้อมระบบนำทางรุ่นล่าสุดเป็นระบบนำทางที่เชื่อมต่อกับสัญญาณดาวเทียม โดยแสดงรายละเอียดของเส้นทางผ่านทางหน้าจอสีขนาด 6.5 นิ้ว และมีความจุของ Flash Memory ขนาด 16GB
ฮอนด้า ซีวิค โฉมใหม่ มี 2ทางเลือกสำคัญ เครื่องยนต์คือ i-VTEC 2.0 ลิตร SOHC 4 สูบ 16 วาล์ว ให้กำลังสูงสุด 155 แรงม้าที่ 6,500 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 190 นิวตัน-เมตร ที่ 4,300 รอบต่อนาที และเครื่องยนต์ i-VTEC 1.8 ลิตร SOHC 4 สูบ 16 วาล์ว ให้กำลังสูงสุด 141 แรงม้า ที่ 6,500 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 177 นิวตัน-เมตร ที่ 4,300 รอบต่อนาที ส่งกำลังด้วยเกียร์ธรรมดา 5 สปีด และเกียร์อัตโนมัติ 5 สปีด ที่ควบคุมด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ Grade Logic Control พร้อม Direct Control และ Shift Hold System
โดยเครื่องยนต์ทั้งสองรุ่นสามารถรองรับน้ำมันแก๊สโซฮอล์ E85 และมีอัตราการปล่อยไอเสียที่ต่ำตามมาตรฐาน EURO4
ด้านระบบกันสะเทือนหน้าแบบแม็คเฟอร์สันสตรัท และกันสะเทือนหลังแบบมัลติลิงค์ เสริมด้วยเหล็กกันโคลงทั้งด้านหน้าและหลัง ซึ่งซีวิค ใหม่ ในรุ่น S มาพร้อมกับล้อขนาด 15 นิ้ว รุ่น 1.8 E มาพร้อมกับล้อขนาด 16 นิ้ว ส่วนรุ่น 2.0 E มาพร้อมกับล้อขนาด 17 นิ้ว
ส่วนความปลอดภัยมากับโครงสร้างตัวถังแบบ G-CON ที่ช่วยจัดการแรงกระแทกที่เกิดขึ้นจากการชนด้านหน้า และลดระดับความเสียหายอันเป็นผลมาจากการชนกันระหว่างรถ อีกทั้งยังเพิ่มอุปกรณ์มาตรฐาน อาทิ ถุงลมคู่หน้า Dual SRS, ถุงลมด้านข้างอัจฉริยะ i-Side Airbags ระบบช่วยควบคุมการทรงตัว VSA และระบบป้องกันล้อล็อก ABS ระบบกระจายแรงเบรก EBD ระบบพวงมาลัยแบบไฟฟ้าพร้อมระบบช่วยผ่อนแรงแบบใหม่ Motion Adaptive Electric Power Steering System ช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถควบคุมทิศทางของตัวรถได้อย่างแม่นยำ และช่วยลดการเกิดอาการหน้าดื้อโค้ง หรือท้ายปัดได้
  ราคาขาย และออปชันของ ฮอนด้า ซีวิคโฉมใหม่ 5 รุ่น
    รุ่น 1.8SMT ราคา 773,000 บาท และ1.8S AT ราคา 828,000 บาท มาพร้อมไฟหน้าแบบโปรเจคเตอร์ ระบบปิดไฟหน้าอัตโนมัติ ปุ่ม ECONมาตรวัดระบบ MultiplexMeter พร้อมระบบเรืองแสง หน้าจอแสดงข้อมูลแบบอัจฉริยะ i-MID พร้อมพวงมาลัยแบบมัลติฟังก์ชั่นที่มีสวิตช์ควบคุมระบบ i-MID และเครื่องเสียง ช่องเชื่อมต่อ USB ช่อง AUX สำหรับอุปกรณ์ต่อพ่วง กุญแจรีโมทมัลติฟังก์ชั่นพวงมาลัยปรับระดับได้ 4 ทิศทาง เบาะที่นั่งเป็นเบาะผ้า ถุงลมคู่หน้า Dual SRS ระบบป้องกันล้อล็อก ABS ระบบกระจายแรงเบรก EBD และล้ออัลลอย 15 นิ้ว
รุ่น 1.8E AT ราคา 909,000 บาท และ1.8E ATNaviราคา 964,000 บาท ไฟตัดหมอกคู่หน้า วัสดุหุ้มเบาะเป็นเบาะหนังและวัสดุหนังสังเคราะห์เบาะนั่งคนขับปรับไฟฟ้าได้ 8 ทิศทาง พวงมาลัยแบบมัลติฟังก์ชั่นพร้อมสวิตช์ควบคุมระบบ i-MID และเครื่องเสียง พร้อมปุ่มรับ-วางสายโทรศัพท์ ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ (Cruise ControlSystem) ระบบปรับอากาศอัตโนมัติวิทยุ-ซีดี MP3 แบบ 1 แผ่นระบบเชื่อมต่อโทรศัพท์แบบไร้สาย (Bluetooth)ระบบนำทางเนวิเกเตอร์พร้อมเครื่องเล่นดีวีดี และกล้องส่องภาพด้านหลัง (เฉพาะรุ่น 1.8 E AT Navi)และล้ออัลลอย 16 นิ้ว
     รุ่น 2.0EL AT Navi ราคา1,124,000บาท มีอุปกรณ์เพิ่มเติมจากรุ่นย่อยอื่นๆ อาทิ ไฟหน้าแบบ HIDพร้อมระบบปรับระดับอัตโนมัติระบบควบคุมประตูแบบอัจฉริยะ (Honda Smart Key System) ระบบสตาร์ทเครื่องยนต์แบบอัจฉริยะ (One PushIgnition System)ระบบควบคุมการเปลี่ยนเกียร์ที่พวงมาลัย (Paddle Shift) ระบบนำทางเนวิเกเตอร์ พร้อมเครื่องเล่นดีวีดีและกล้องส่องภาพด้านหลังถุงลมด้านข้างคู่หน้าอัจฉริยะ i-Side Airbagsระบบช่วยควบคุมการทรงตัว VSA ที่มาพร้อมล้ออัลลอย 17 นิ้ว
ฮอนด้า ซีวิค โฉมใหม่ มีให้เลือก 6 สีได้แก่ สีขาวฟรอสตี้(เมทัลลิก) และสีน้ำตาลเออร์เบินไทเทเนียม (เมทัลลิก) ซึ่งเป็น2 สีใหม่ นอกจากนี้ยังมีสีดำคริสตัล (มุก)สีเทาโพลิชเมทัล(เมทัลลิก) สีเงินอลาบาสเตอร์ (เมทัลลิก) และ
สีขาวทาฟเฟต้า สำหรับสีภายในห้องโดยสาร รุ่น 1.8L จะเป็นสีเบจ และรุ่น 2.0L เป็นสีดำ

วันอาทิตย์ที่ 6 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

หยุดรับจองรุ่นฮิต"แจ๊ซ-ซิตี้-สวิฟท์" ออร์เดอร์ล้นข้ามปีขายใบจองโผล่


ผู้ค้ารถหัวปั่นรถไม่พอขาย ดีลเลอร์หลายยี่ห้อหยุดรับจองรุ่นยอดฮิต "แจ๊ซ-ซิตี้-สวิฟท์-เรนเจอร์" ออร์เดอร์ทะลักไปถึงต้นปีหน้า เซลส์หวั่นผิดเงื่อนไข สคบ.ต้องระบุระยะเวลาการส่งมอบชัดเจน ลูกค้าหน้าเหี่ยวอดรับสิทธิ์รถคันแรก ปรากฏการณ์ขาย "ใบจอง" กลับมาอีกครั้ง อัพราคากันสูงถึง 2 หมื่นบาท

ผู้สื่อข่าว "ประชาชาติธุรกิจ" รายงานว่า ในงานมอเตอร์โชว์ที่ผ่านมาช่วงเวลาแค่ 12 วัน ขายรถไปได้มากกว่า 5 หมื่นคัน ส่งผลให้เดือนมีนาคม 2555 รถยนต์ในบ้านเรามีปริมาณการขายสูงกว่า 1.1 แสนคัน ทำให้วันนี้ปรากฏว่ามีดีลเลอร์รถยนต์หลายยี่ห้อหยุดรับจองรถยนต์บางรุ่นชั่วคราว อาทิ ฮอนด้าหยุดรับจองฮอนด้า แจ๊ซและซิตี้ ฟอร์ดหยุดรับจองเรนเจอร์ ไวลด์แทรค ซูซูกิหยุดรับจองสวิฟท์ เนื่องจากรถไม่พอขายและระยะเวลาการส่งมอบรถล้นทะลักไปถึงต้นปีหน้า

โดยปกติลูกค้าซื้อรถจะต้องทำใบจองพนักงานขายจะระบุราคารถรุ่นนั้น ๆ ค่าใช้จ่ายอื่น ๆ เช่น ประกันภัย ค่าจดทะเบียน ของแถม รวมทั้งระบุระยะเวลาการส่งมอบรถให้ชัดเจนตามเงื่อนไขที่ทางสำนักงานคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) กำหนด

แต่วันนี้เกิดปรากฏการณ์ใหม่ เมื่อลูกค้าเดินเข้าโชว์รูม หากลูกค้าต้องการซื้อรุ่นยอดฮิตและเป็นรถที่ได้สิทธิเข้าร่วมโครงการรถคันแรก พนักงานขายจะไม่รับจอง ให้เหตุผลว่า ส่งรถให้ไม่ทัน แต่ถ้าลูกค้ายืนยันจะซื้อและรับได้ในการรอคอยก็ดำเนินการให้ แต่ส่วนใหญ่จะแค่จดรายละเอียดของลูกค้าไว้เพื่อติดตามการขายในโอกาสต่อไปเท่านั้น นอกจากนี้ในโลกออนไลน์ยังเกิดปรากฏการณ์ขายใบจองรถยนต์รุ่นยอดฮิต โดยเฉพาะอีโคคาร์รุ่นยอดนิยม ปั่นราคากันตั้งแต่ 1.5 หมื่นบาทไปจนถึง 2 หมื่นบาท

ตัวแทนจำหน่ายรถยนต์ฮอนด้ารายหนึ่งกล่าวยอมรับว่า หลังจากโรงงานผลิตรถยนต์ฮอนด้ากลับมาเดินเครื่องการผลิตและเปิดรับจองรถยนต์รุ่นต่าง ๆ อีกครั้งหนึ่ง ทำให้ลูกค้าให้ความสนใจจองรถยนต์ฮอนด้าทุกรุ่นเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะฮอนด้า แจ๊ซและซิตี้มียอดจองมากและระยะเวลาส่งมอบยาวไปถึงกุมภาพันธ์ปีหน้า เนื่องจากแต่ละโชว์รูมจะมีโควตาที่ได้จากโรงงานในจำนวนจำกัด

"หลายโชว์รูมตอนนี้เบรกรับจองรถทั้ง 2 รุ่นนี้ไปแล้ว เราเองก็เห็นใจลูกค้าเพราะส่วนใหญ่เขาอยากได้สิทธิคืนภาษีจากโครงการรถคันแรก แต่เราไม่มีรถส่งจริง ๆ โรงงานก็เร่งมือกันเต็มที่แล้ว แต่ดีมานด์เยอะมาก ซึ่งถ้าหากรัฐบาลขยายเวลาการส่งมอบออกไปก็จะเป็นเรื่องดี"

นายพิทักษ์ พฤทธิสาริกร รองประธานอาวุโส บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด และกรรมการบริหาร บริษัท เอเชี่ยนฮอนด้า มอเตอร์ จำกัด กล่าวยืนยันกับ "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า ฮอนด้าไม่มีนโยบายให้ตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศหยุดรับจองรถ โดยเฉพาะรุ่นซิตี้และแจ๊ซแต่อย่างใด ดีลเลอร์ส่วนใหญ่ยังสามารถรับจองรถยนต์ทั้ง 2 รุ่นได้ ตามโควตาที่แต่ละรายได้รับ

แต่ทั้งนี้ยอมรับว่า อาจจะมีผู้แทนจำหน่ายบางรายที่ตัดสินใจงดรับจองรถทั้ง 2 รุ่นไปบ้างเนื่องจากมีจำนวนใกล้เคียงหรือเท่ากับโควตาที่ตนเองได้รับ ทำให้ต้องระมัดระวัง แต่ทั้งนี้บริษัทอยู่ระหว่างการพิจารณาปรับเพิ่มกำลังการผลิตรถยนต์ทั้งสองรุ่นเพิ่มขึ้นด้วย

ด้านนายสาโรช เกียรติเฟื่องฟู รองประธานฝ่ายการตลาด การขาย และการบริการ ฟอร์ด ประเทศไทย เปิดเผยว่า ขณะนี้ฟอร์ดตัดสินใจประกาศหยุดรับจองรถยนต์ฟอร์ดเรนเจอร์รุ่นไวลด์แทรคไปตั้งแต่สิ้นสุดงานมอเตอร์โชว์เมื่อช่วงต้นเดือนเมษายนที่ผ่านมา เนื่องจากยังคงมีปัญหาขาดแคลนชิ้นส่วนที่ผู้ผลิตชิ้นส่วนบางรายยังไม่ฟื้นตัวและกำลังการผลิตยังไม่สู่ภาวะปกติ ทำให้เรนเจอร์ ไวลด์แทรค รุ่น 2.2 มีแบ็กออร์เดอร์ 8 เดือน และรุ่น 3.2 มีแบ็กออร์เดอร์ 11 เดือน มียอดจองสะสม 3,000 คัน ส่วนรถเรนเจอร์รุ่นอื่น ๆ นั้นบริษัทยังคงเปิดรับจองปกติ และปัจจุบันมีแบ็กออร์เดอร์ 4 เดือน สำหรับฟอร์ด เรนเจอร์ ไวลด์แทรค มียอดจองคิดเป็น 55% จากยอดจองของเรนเจอร์ โดยจะทยอยส่งมอบตั้งแต่เดือนพฤษภาคมนี้

"วันนี้เราก็ได้เข้าไปช่วยด้านการผลิต รวมถึงการส่งรถเทรลเลอร์ไปรับชิ้นส่วนจากซัพพลายเออร์เองโดยตรง เพื่อลดระยะเวลาในการส่งชิ้นส่วน รวมถึงการส่งรถยนต์ไปยังดีลเลอร์ต่าง ๆ เราก็เข้าไปช่วยซัพพอร์ต นำรถเทรลเลอร์ไปช่วยแก้ไขปัญหาโลจิสติกส์" นายสาโรชกล่าว

ขณะที่นายวัลลภ ตรีฤกษ์งาม ผู้ช่วยผู้จัดการทั่วไปฝ่ายขาย บริษัท ซูซูกิ มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวยอมรับกับ "ประชาชาติธุรกิจ" กรณีมีลูกค้านำใบจองรถยนต์ซูซูกิ สวิฟท์ มาขายต่อนั้น บริษัทไม่สามารถดำเนินการใด ๆ ได้เนื่องจากเป็นสิทธิของลูกค้า ส่วนด้านการขายตอนนี้ยังรับจองเพียงแต่บริษัทได้มีนโยบายที่ชัดเจนให้พนักงานขายและตัวแทนจำหน่ายชี้แจงไปยังลูกค้าอย่างตรงไปตรงมา และให้ความชัดเจนถึงระยะเวลาที่ลูกค้าจะได้รับรถ

ปัจจุบันซูซูกิ สวิฟท์ มียอดจอง 10,000-12,000 คันทั่วประเทศ โดยมียอดจองล่วงหน้าไปถึงต้นปีหน้า ขณะที่บริษัทมีกำลังการผลิตเพียงแค่ 10,000 คันในปีนี้ หากจะเพิ่มกำลังการผลิตนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย ทั้งนี้ บริษัทได้พยายามควบคุมคุณภาพการผลิต พร้อมเสริมทีมวิศวกรมาดูแลและเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต

"หลังจากเปิดตัวเราทยอยส่งมอบรถมาตั้งแต่วันที่ 22 มี.ค.ที่ผ่านมาขอยืนยันว่า ไม่มีนโยบายให้ดีลเลอร์ปฏิเสธหรืองดรับจองรถจากลูกค้า แต่จะต้องชี้แจงข้อเท็จจริงให้ลูกค้ารับทราบ โดยเฉพาะผู้ที่ได้รับสิทธิรถยนต์คันแรกเพราะนั่นถือเป็นสิทธิที่ลูกค้าจะได้รับ และเรากลัวลูกค้าจะเสียสิทธิตรงนี้ด้วย ซูซูกิต้องขอโทษไปยังลูกค้าที่ไม่สามารถทำให้สมหวังได้ และขอบคุณที่ไว้วางใจ"

นายวัลลภยังกล่าวเพิ่มเติมว่า ขณะนี้บริษัทยังไม่มีแผนเร่งหรือเพิ่มกำลังการผลิต เนื่องจากปีนี้เป็นปีแรกของการผลิต ต้องการเน้นคุณภาพ ประสิทธิภาพจริง ๆ และคาดหวังจะให้ซูซูกิ สวิฟท์ เป็นตัวสร้างชื่อ ส่วนแผนการส่งรุ่นเกียร์ธรรมดาออกสู่ตลาดราวเดือนตุลาคมนั้น ก็ยังไม่มีแผนการเลื่อนหรือชะลอแต่อย่างใด

ขณะที่นายโนบุยุกิ มูราฮาชิ กรรมการผู้จัดการ บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ขณะนี้มิตซูบิชิมียอดจองมิราจ 17,000 คัน และจะเริ่มทยอยส่งมอบรถในต้นเดือนพฤษภาคม จากกำลังการผลิตที่ 100,000 คัน ในปีนี้แบ่งเป็นรองรับตลาดในประเทศ 30,000 คัน ส่งออก 70,000 คัน (ในปีงบประมาณ) ซึ่งยังคงเดินหน้าจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายและแนะนำมิราจออกไปยังลูกค้ากลุ่มเป้าหมายเพิ่มมากขึ้น ด้วยการจัดกิจกรรมโรดโชว์แนะนำรถ และเปิดโอกาสให้ลูกค้าหรือกลุ่มคนที่คาดว่าจะเป็นลูกค้าได้ทดลองขับด้วย

ขณะที่แหล่งข่าวระดับบริหารจากบริษัท นิสสัน มอเตอร์ จำกัด กล่าวยอมรับว่า ล่าสุดบริษัทได้จัดแคมเปญส่งเสริมการขายสำหรับลูกค้าที่ซื้อและรับรถนิสสัน มาร์ช ตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2555 ถึง วันที่ 31 กรกฎาคม 2555 มีสิทธิได้รับคูปองชิงรางวัลแพ็กเกจทัวร์ กรุงเทพฯ-ญี่ปุ่น 6 วัน 4 คืน มูลค่ารางวัลละ 150,000 บาท (จำนวน 2 ที่นั่ง) รวมมูลค่ากว่า 8 ล้านบาท ส่วนการทำกิจกรรมการตลาดอื่น ๆ นั้น ขณะนี้เนื่องจากอยู่ในช่วงของการจัดสรรงบประมาณเพื่อใช้เตรียมงบฯของปีงบประมาณใหม่ ซึ่งคาดว่าจะมีกิจกรรมต่าง ๆ ทยอยออกมาให้เห็นในช่วงครึ่งปีหลังเป็นต้นไป

นายโลรองต์ แบรเตต์ ผู้อำนวยการฝ่ายสื่อสารองค์กร บริษัท เจนเนอรัล มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด และบริษัท เชฟโรเลต เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า เชฟโรเลต ประเทศไทย เติบโตสูงมากในไตรมาสแรกของปี 2555 นี้ถึง 126% ซึ่งเป็นผลมาจากการมีผลิตภัณฑ์ที่โดดเด่นตรงกับความต้องการของลูกค้า บริษัทมีความยินดีในการรับจองรถยนต์เชฟโรเลตทุกรุ่นจากลูกค้า แต่เนื่องจากความสำเร็จในการขายรถยนต์ทำให้ต้องใช้เวลามากขึ้นในการส่งมอบรถยนต์แก่ลูกค้า ทั้งนี้ การบริหารจัดการเรื่องการรับจองรถยนต์ขึ้นอยู่กับผู้แทนจำหน่ายแต่ละราย

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า เป็นที่น่าสังเกตว่าการจัดทำกิจกรรมทางการตลาดของค่ายรถยนต์ระยะหลังได้ปรับรูปแบบจากการลด-แลก-แจก-แถม มาเป็นการเข้าถึงกลุ่มลูกค้ามากขึ้น โดยเฉพาะการให้ลูกค้าได้สัมผัสตัวรถก่อนการตัดสินใจ รวมถึงในช่วงไตรมาสที่สามนี้แคมเปญต่าง ๆ อาจลดน้อยลงด้วยเพราะรถผลิตไม่พอขาย

"นิวบีเทิล" อย่าหมิ่นเครื่องยนต์ 1.2 ลิตร





เห็นตัวเล็ก ๆ หน้าตาน่ารัก สีสันสดใสยังกะลูกกวาดแบบนี้ อย่าเผลอเฉียดเข้าไปใกล้เชียวนะเดี๋ยวจะหาว่าผมไม่เตือน เพราะคุณอาจจะถูกเจ้าโฟล์ค บีเทิลตัวกระเปี๊ยกฉีกกระจายจนไม่เห็นฝุ่น

และก็ไม่น่าเชื่อด้วยว่า เจ้าเครื่องยนต์ขนาด 1.2 ลิตร กระบอกสูบเท่า ๆ กับมาร์ช บริโอ อัลเมร่า หรือสวิฟท์ อีโคคาร์บ้านเราจะแรงเอาเรื่อง ออกตัวนี่ "ปรู๊ดปร๊าด" ได้ใจ เทคโนโลยี TSI ที่วิศวกรของโฟล์คบรรจงติดตั้ง เพื่อทำให้เครื่องยนต์ขนาดเล็กสามารถให้พละกำลังสูงขึ้นในขณะที่อัตราการบริโภคน้ำมันเชื้อเพลิงต่ำ กลายเป็นเทคโนโลยีที่หลายคนกำลังไขว่คว้า


และที่ต้องให้คะแนนเต็มสิบสำหรับบีเทิลตัวใหม่นี้ก็คือ เครื่องยนต์อัจฉริยะที่ทำงานร่วมกับเกียร์แบบ DSG (Dual clutch gearbox) เทคโนโลยีล่าสุดที่โฟล์คก้าวล้ำไปกว่าคนอื่น ทำให้การถ่ายทอดกำลังทั้งหมดเป็นไปอย่างต่อเนื่อง จังหวะการเปลี่ยนเกียร์ไม่มีสะดุดทั้งไปข้างหน้าและย้อนกลับ

แถมระบบช่วงล่างของโฟล์คยังเชื่อขนมกินได้ว่า "หนึบหนับ" ยิ่งกว่าตุ๊กแก ส่งผลให้โฟล์คบีเทิลตัวนี้การเป็นรถที่ขับสนุก ส่วนสีสันก็ตกเป็นเป้าสายตาได้ตลอดเส้นทาง



บีเทิลใหม่ถือเป็นเจเนอเรชั่นที่ 3 ของรถยนต์คลาสสิกในตระกูลบีเทิล ที่มีประวัติความเป็นมายาวนานนับตั้งแต่ปี 1938 ซึ่งรุ่นแรกหรือ Type I ที่มีการผลิตจนถึงปี 2003 มียอดผลิตสะสมรวมมากกว่า 21 ล้านคันเลยทีเดียว โดยในรุ่นใหม่นี้เปิดตัวเมื่อปลายปี 2011 และเริ่มทยอยทำตลาดทั่วโลกมาตั้งแต่ต้นปี 2012

สำหรับรูปทรงโฟล์คสวาเกน นิวบีเทิล โมเดล 2012 ทรงความเป็นเอกลักษณ์โฟล์คเต่าได้อย่างยอดเยี่ยม รูปทรงไข่ไก่ผ่าซีกยังฝังลึกเข้าไปในจินตนาการของบรรดานักออกแบบโฟล์กทุกคน แม็กรุ่นใหม่ 17 นิ้ว ที่ดูกี่ครั้งก็คล้ายกระทะล้อเต่ารุ่นเดิม นี่ถ้าได้ยางขอบขาวมาใส่เพิ่มอีกนิดน่าจะได้ใจคนชื่นชอบโฟล์คเต่าเมื่อ 40 ปีที่แล้วไปแบบเต็ม ๆ


นิวบีเทิล มาพร้อมกับอุปกรณ์อำนวยความสะดวกและออปชั่นมากมาย อาทิ เครื่องเสียงแบบ fender sound พร้อมจอ touch screen วิทยุพร้อมเครื่องเล่น CD changer 6 แผ่น สามารถรองรับการเล่นไฟล์ MP3 ได้ พวงมาลัยเป็นแบบมัลติฟังก์ชั่น รวบรวมปุ่มควบคุมระบบต่าง ๆ ภายในรถเอาไว้ที่พวงมาลัย ทำให้เพิ่มความสะดวกในการเข้าถึงระบบต่าง ๆ เบาะหลังสามารถแยกพับหรือพับลงทั้งหมดได้ เพื่อเพิ่มพื้นที่ในการบรรทุกสัมภาระ

แดชบอร์ดด้านหน้า และแผงข้างประตูยังหยิบเอาโฟล์คเต่ารุ่นพี่มาเป็นต้นแบบ มีส่วนผสมของเนื้อเหล็กที่ทำให้เกิดสีสันสดใส ให้ความกลมกลืนแนวเรโทรได้อย่าลงตัว โมเดลที่แล้วมีแจกันใส่ดอกไม้ แต่โมเดลนี้มีถาดขนาดใหญ่บนแดชบอร์ดวางช่อดอกไม้ได้ทั้งช่อ




เห็นข้างนอกขนาดกะทัดรัดแบบนี้ ภายในกว้างขวางนั่งสบาย สองประตูก็จริงแต่ผู้โดยสารตอนหลังก็เอาออกได้ไม่ยากเย็น เพราะเบาะตัวหน้าแค่คล้ายล็อกก็พับและเลื่อนไปข้างหน้า ทำให้มีพื้นที่เหลือเฟือในการเข้าออก รุ่นเริ่มต้นออปชั่นอาจจะน้อยไปนิด โดยเฉพาะแอร์แบบออโต้ และซันรูฟ

ขณะที่ระบบความปลอดภัยก็มีมาให้ครบ ระบบเซ็นเซอร์ช่วยจอดเพิ่มความสะดวกสบายในการถอยเข้าจอด และระบบ cruise control ควบคุมการเดินทางอัตโนมัติ เพิ่มความสะดวกในการขับขี่ นอกจากนี้ยังเพิ่มความปลอดภัยจากการชนด้วยระบบถุงลมนิรภัย 4 จุด บริเวณด้านหน้าและด้านข้างศีรษะ

นิวบีเทิล ใช้เครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ ขนาด 1.2 ลิตร แบบ TSI มีเทอร์โบ แถมกำลังทั้งหมดมาในรอบต่ำ ๆ ซะด้วย สามารถรีดกำลังออกมาได้ถึง 105 แรงม้า

แรงบิดสูงสุดสูงถึง 175 นิวตันเมตรที่ 4,100 รอบ/นาที ในสเป็กเขียนอัตราเร่งจาก 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง เพียงแค่ 10.9 วินาที ทำจริง ๆ ก็ใกล้เคียงกัน ตอนทดสอบผมยังหันไปบ่นกับเพื่อนผู้สื่อข่าวด้วยกันว่า เอ๊..รถมันก็วิ่งเร็วนะ ทำไมเข็มไมล์มันอยู่แค่ 100 กว่า ๆ ขยี้คันเร่งอยู่ตั้งนาน ที่ไหนได้ดูหน่วยผิดไปครับ..แสดงผลเป็นไมล์ต่อชั่วโมง ส่วนความเร็วสูงสุดทำได้ถึง 180 กิโลเมตร/ชั่วโมง


สนนราคาค่าตัวเริ่มต้นที่ 2.09 ล้านบาท

รักรถ แต่ต้องจอดตากแดด ทำไงดี ?




หน้าร้อนแบบนี้ การจอดรถตากแดดสำหรับผู้หลีกเลี่ยงไม่ได้ สิ่งที่จะตามมา เช่น ตัวรถร้อนทั้งคัน เผลอไปโดนอาจมีหนังพองได้ เบาะนั่งก็จะร้อนมาก นั่งแทบไม่ได้ ยิ่งเป็นเบาะหนังด้วยแล้วละก็ หนุ่มๆ บางคนอาจถึงกับกังวลว่า อะไร อะไร จะถึงกับสุกหรือเปล่าหนอ

นอกจากนี้ พวงมาลัยยังร้อนมากแทบจะเอามือจับไม่ได้ ชิ้นส่วนภายในห้องโดยสารร้อนไปหมด

วิธีบรรเทาปัญหา มีดังนี้

1.ให้ลดกระจกหน้าต่างลงเล็กน้อย จะลงเพียงแค่ 1 บาน หรือ ทุกบานก็ย่อมได้ จะช่วยไม่ให้เกิดความร้อนสะสม และเป็นการระบายความร้อนออกนอกตัวรถได้อีกทางหนึ่ง

2.ติดตั้งอุปกรณ์บังแดด จะช่วยไม่ให้แสงแดดส่องความร้อนเข้ามาในรถยนต์ของคุณ

3.หลีกเลี่ยงการวางวัสดุที่สามารถระเบิดได้ไว้ในรถเช่น ไฟแช็ก, อุปกรณ์อัดก๊าซต่างๆ เพราะว่าสิ่งเหล่านี้จะระเบิดได้เมื่ออุณหภูมิสูงขึ้น อาจจะทำให้กระจกแตกหรือเกิดเพลิงไหม้ได้

หลังจากที่จอดตากแดดแล้ว เมื่อจะเดินทางต่อ หลังปลดล็อกและเปิดประตูแล้ว ให้ติดเครื่องยนต์ ตัวคุณจะอยู่นอกรถหรือในรถก็แล้วแต่ ให้เปิดระบบปรับอากาศในตำแหน่งที่เย็นสุดและแรงสุด ถ้าเป็นระบบปรับอากาศแบบอัตโนมัติ เครื่องปรับอากาศจะทำงานเอง ถอดอุปกรณ์บังแดดออก กระจกหน้าต่างอย่าเพิ่งนำขึ้นสุด เพราะว่ากำลังใช้ความเย็นจากระบบปรับอากาศไล่ความร้อนออกจากห้องโดยสารอย่างรวดเร็ว เมื่ออุณหภูมิภายในห้องโดยสารพอที่จะขับรถยนต์ไปได้แล้ว ให้นำกระจกหน้าต่างขึ้นสุดทุกบาน พร้อมปรับอุณหภูมิของระบบปรับอากาศตามความต้องการ 



แหล่งที่มา: มติชน

เปิดโผรถยอดฮิต(ของขโมย)ประจำปี 2553-2555


เปิดโผรถยนต์และรถจักรยานยนต์ยอดฮิต(ของขโมย)ประจำปี 53-55 พร้อมข้อมูลต่างๆในการโจรกรรม ด้านรถยนต์ก็จะมีวีออส ยาริส วีโก้ ตัวเก็งจากโตโยต้าเข้าวินอย่างงดงาม ตามมาด้วยค่ายอิซูซุ ดีแมกซ์เจ้าประจำ ส่วนรถจักรยานยนต์รถยอดฮิตหนีไม่พ้นฮอนด้า เวฟและยามาฮ่า ฟีโน่

รายละเอียด

พล.ต.ต.เมธี กุศลสร้าง รอง ผบช.น. หัวหน้า ศปจร.น. (ศูนย์ป้องกันและปราบปรามการโจรกรรมรถยนต์ รถจักรยานยนต์ กองบัญชาการตำรวจนครบาล) เปิดเผยสถิติการโจรกรรมรถยนต์ และรถจักรยานยนต์ในพื้นที่ กทม.
ระหว่างเดือน ต.ค.2553 ถึง ก.ย. 2554  มีดังนี้                                                              รถยนต์ทุกยี่ห้อถูกโจรกรรมทั้งสิ้น 502 คัน  ประกอบด้วย

  • ยี่ห้อโตโยต้า       156 คัน
  •  คิดเป็น 31.08%
  •                                                                                
  •  ยี่ห้ออีซูซุ           150 คัน
  •  คิดเป็น 29.9 %
  •                                                                                 
  • ยี่ห้อนิสสัน            53 คัน
  •  คิดเป็น 10.6%
  •                                                                               
  •  ยี่ห้อมิตซูบิชิ          41 คัน 
  • คิดเป็น 8.2 %
  • ยี่ห้อฮอนด้า           39 คัน
  •  คิดเป็น 7.8 %
  • ยี่ห้ออื่นๆ              63 คัน

รถยนต์นั่งส่วนบุคคลไม่เกิน 7 คน ประเภทรถเก๋ง ยี่ห้อโตโยต้า พบว่าส่วนใหญ่เป็นรุ่นวีออส และยารีส
รถยนต์บรรทุกส่วนบุคคล หรือกระบะ ยี่ห้อโตโยต้า จะเป็นรุ่นไฮลักซ์ วีโก้ ยี่ห้ออีซูซุจะเป็นรุ่นดีแม็กซ์ ยี่ห้อนิสสัน รุ่นฟรอนเทียร์ โดยเฉพาะที่เป็นรถขับเคลื่อนสี่ล้อ
สำหรับสถานที่เกิดเหตุที่รถยนต์ถูกโจรกรรมมากที่สุด เรียงตามลำดับ
ถนน – ตรอก – ซอย        เกิดเหตุ 232 คดี
สวนสาธรณะ-ชุมชน         เกิดเหตุ 145 คดี
เคหสถาน                     เกิดเหตุ 71 คดี
ห้างสรรพสินค้า-ร้านค้า      เกิดเหตุ 30 คดี
อู่ซ่อมรถยนต์                 เกิดเหตุ 15 คดี
สำหรับช่วงเวลาที่เกิดเหตุรถยนต์ถูกโจรกรรมมากที่สุด
ระหว่างเวลา 18.00-04.00 น.  แยกเป็น
ช่วงเวลา 16.01-20.00 น. เกิดเหตุ 137 คดี
ช่วงเวลา 20.01-24.00 น. เกิดเหตุ 121 คดี
ช่วงเวลา 00.01-04.00 น. เกิดเหตุ 103 คดี
ช่วงเวลา 08.01-12.00 น. เกิดเหตุ 48 คดี
ช่วงเวลา 04.01-08.00 น. เกิดเหตุ 47 คดี
สำหรับรถจักรยานยนต์ ถูกโจรกรรมรวมทั้งสิ้น 3,509 คัน
ยี่ห้อที่ถูกโจรกรรมมากที่สุด  ฮอนด้า 2,021 คัน คิดเป็น 57.6 % โดยเฉพาะรุ่นเวฟ หายมากที่สุด
ยี่ห้อยามาฮ่า 1,261คัน คิดเป็น 35.9% โดยเฉพาะรุ่น ฟีโน่ หายมากที่สุด
ยี่ห้อคาวาซากิ 71 คัน คิดเป็น 2 % โดยเป็นรุ่น เคเอสอาร์ หายมากสุด
ยี่ห้อซูซุกิ 37 คัน คิดเป็น 1.1 %
ยี่ห้อเวสป้า 7 คัน คิดเป็น 0.2 %
ยี่ห้ออื่นๆ รวม 112 คัน
สถานที่เกิดเหตุ ที่รถจักรยานยนต์ถูกโจรกรรมมากที่สุด
ถนน-ตรอก-ซอย เกิดเหตุ 1,700 คดี
สวนสาธารณะ-ชุมชน เกิดเหตุ 1,114 คดี
เคหสถาน เกิดเหตุ 542 คดี
ห้างสรรพสินค้า เกิดเหตุ 100 คดี
สถานที่ราชการ เกิดเหตุ 37 คดี
สำหรับช่วงเวลาที่รถจักรยานยนต์หายมากที่สุดพบว่าเป็นช่วงเวลาเดียวกันกับรถยนต์หาย
คือ ระหว่าง 18.00 – 04.00 น. แยกเป็น
ช่วงเวลา 16.01-20.00 น. เกิดเหตุ 911 คดี
ช่วงเวลา 20.01-24.00 น.เกิดเหตุ  837 คดี
ช่วงเวลา 00.01-04.00 น.เกิดเหตุ  800 คดี
ช่วงเวลา 04.01-08.00 น. เกิดเหตุ 333 คดี
ช่วงเวลา 12.01-16.00 น. เกิดเหตุ 324 คดี

สถิติรถยนต์และรถจักรยานยนต์หายตั้งแต่ เดือน ต.ค.54 – ก.พ. 55
รถยนต์หายจำนวน 134 คัน  เป็น
ยี่ห้ออีซูซุ โดยเฉพาะรุ่น ดีแมกซ์ 50 คัน
โตโยต้า รุ่นไฮลักซ์ วีโก้ 34 คัน
มิตซูบิชิ รุ่นไทตั้น 11 คัน
ฮอนด้า 9 คัน
นิสสัน รุ่นฟรอนเทียร์ 6 คัน  รุ่นอื่นๆ  24 คัน
สถานที่เกิดเหตุ ที่ถูกโจรกรรมมากที่สุด
ถนน-ตรอก-ซอย 70 คดี
เคหสถาน 13 คดี
อาคาร-ลานจอดรถ 7 คดี
อาคารชุด – แฟลต 6 คดี
สะพานคนข้าม 3 คดี
ช่วงเวลาที่รถยนต์หายมากที่สุด
ช่วงเวลาที่หาย 12.01-18.00 น.เกิดเหตุ 56 คดี
ช่วงเวลา 06.01-12.00 น.เกิดเหตุ 48 คดี
ช่วงเวลา 18.01-24.00 น.เกิดเหตุ 24 คดี
ช่วงเวลา 00.01-06.00 น.เกิดเหตุ 6 คดี
รถจักรยานยนต์ หายจำนวน 1,143 คัน
ยี่ห้อฮอนด้า  662 คัน รุ่นเวฟหายมากที่สุด
ยี่ห้อยามาฮ่า 254 คัน รุ่นฟีโน่มากที่สุด
ยี่ห้อคาวาซากิ 15 คัน เป็นรุ่น เคเอสอาร์ มากที่สุด
ยี่ห้อซูซุกิ 7 คัน เป็นรุ่น สแมช  มากที่สุด
ยี่ห้ออื่นๆ รวม 205 คัน
สถานที่เกิดเหตุ ที่ถูกโจรกรรมมากที่สุด
หายจาก ถนน-ตรอก-ซอย เกิดเหตุ 550 คดี
ลานจอดรถ 115 คดี
อาคารชุด -แฟลต 105 คดี
เคหสถาน 80 คดี
ตลาด 31 คดี
ช่วงเวลาที่รถจักรยานยนต์หายมากที่สุด
ช่วงเวลา 12.01-18.00 น. เกิดเหตุ 495 คดี
ช่วงเวลา 18.00-24.00 น. เกิดเหตุ 296 คดี
ช่วงเวลา 06.01-12.00 น. เกิดเหตุ 278 คดี
ช่วงเวลา 00.01-06.00 น. เกิดเหตุ 69 คดี