หน้าเว็บ

ประกันภัยรถยนต์

วันจันทร์ที่ 23 เมษายน พ.ศ. 2555

Toyota Yaris (ใหม่) รุ่นปี 2012 พร้อมรุ่น RS ในราคาเริ่มต้นเพียง 5.44 แสนบาท



บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด แนะนำรถยนต์นั่งคอมแพ็คแฮทช์แบ็คยอดนิยม โตโยต้า ยาริส รุ่นใหม่ล่าสุด ที่ได้รับการปรับปรุงโฉมใหม่ ด้วยดีไซน์ที่ดูสปอร์ต โฉบเฉี่ยวทั้งภายในและภายนอก พร้อมแนะนำรถรุ่น RS เกียร์อัตโนมัติ ใหม่ ที่เพิ่มความสปอร์ต ล้ำสมัย ปราดเปรียวในทุกสภาวะการขับขี่


ยาริส ใหม่  สปอร์ตคู่ใจ ไปไหนไปกัน
ภายนอก  สปอร์ตรอบคัน
กันชนหน้าใหม่ สไตล์ RS โดดเด่น ท้าทายทุกสายตา
กันชนหลังใหม่ สไตล์ RS พร้อมรีเฟล็กเตอร์ ทั้ง 2 ข้าง
กระจังหน้าลายใหม่ ดีไซน์แบบรังผึ้ง ดูโฉบเฉี่ยว รับกับฝากระโปรงหน้าอย่างลงตัว
สัญลักษณ์ รุ่น RS ที่กระจังหน้า เท่ห์แบบลงตัว บ่งบอกถึงที่มาแห่งดีไซน์ (เฉพาะในรุ่น RS A/T)
โคมไฟหน้าใหม่ แบบรมดำ สวยงาม เพิ่มความดุดัน (เฉพาะในรุ่น RS A/T)
ไฟตัดหมอกหน้า ส่องสว่าง เพิ่มวิสัยทัศน์ในการขับขี่ (เฉพาะในรุ่น RS A/T และ G A/T)
โคมไฟหลังดีไซน์ใหม่ อินเทรนด์ ทันสมัย กับไฟแบบ LED เพิ่มความสปอร์ต
ท่อไอเสียดีไซน์ใหม่ ใหญ่ขึ้นกว่าเดิม เติมเต็มความสปอร์ต
ล้ออัลลอยใหม่ ลาย 6 ก้านขนาด 16 นิ้ว พร้อมยางขนาด 195/50R 16 (เฉพาะในรุ่น RS A/T)
ภายใน โดดเด่น ล้ำนำสมัย
พวงมาลัยพาวเวอร์ไฟฟ้า (EPS) หุ้มหนัง 3 ก้าน ทรงสปอร์ต พร้อมสวิตช์ควบคุมเครื่องเสียงบนพวงมาลัย คล่องตัว ปราดเปรียว ทุกการควบคุม (เฉพาะในรุ่น RS A/T และ G A/T)
เครื่องเล่น DVD หน้าจอสัมผัส ขนาด 5.8 นิ้ว พร้อมช่องต่ออุปกรณ์ AUX, USB และ SD Card ตอบสนอง ครบครัน ทุกความบันเทิงสมบูรณ์แบบ (เฉพาะในรุ่น RS A/T และ G A/T) ผ้าเบาะลายสปอร์ตใหม่ สวยงาม ล้ำสมัย สไตล์สปอร์ต (เฉพาะในรุ่น RS A/T)
เบาะนั่งด้านหลังปรับพับแยกส่วน แบบ 60 : 40 ปรับเปลี่ยนพื้นที่โดยสาร เพื่อรองรับสัมภาระได้หลากหลาย
พื้นที่อเนกประสงค์เก็บสัมภาระด้านหลัง ปรับเพิ่มความจุของพื้นที่เก็บสัมภาระด้านหลังอีก 48 ลิตร เพื่อความลงตัว สะดวกสบาย
สมรรถนะเครื่องยนต์ พร้อมด้วยระบบกันสะเทือนชั้นเยี่ยม
พลังขับเคลื่อนที่สมดุล จากพลังของเครื่องยนต์ ที่ให้อัตราเร่งโดดเด่น และประหยัดน้ำมัน 1 NZ-FE VVT-i 1,500 ซีซี DOHC 16 วาล์ว กำลังสูงสุด 109 แรงม้า (80 กิโลวัตต์) ที่ 6,000 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 141 นิวตันเมตร ที่ 4,200 รอบต่อนาที ใช้น้ำมันเชื้อเพลิง เบนซิน อ็อกเทน 91 และ รองรับเบนซิน E20
ลื่นไหลทุกจังหวะการขับขี่ ด้วยเกียร์อัตโนมัติ Super ECT แบบ Gate Type ให้ความนุ่มนวลขณะเปลี่ยนเกียร์
ควบคุมได้ดั่งใจ ทำให้ทุกการเดินทางราบรื่น นุ่มนวล ด้วยระบบกันสะเทือนหน้า แม็คเฟอร์สันสตรัท และระบบกันสะเทือนหลังแบบทอร์ชั่นบีม
พิเศษเฉพาะรุ่น RS A/T กับระบบกันสะเทือนแบบสปอร์ต โช้คอัพ และสปริงปรับแต่งพิเศษ ทำให้เข้าโค้งได้อย่างมั่นใจในทุกสภาพความเร็ว (เฉพาะในรุ่น RS A/T)
สุดยอดมาตรฐานความปลอดภัยระดับโลก
รองรับทุกเรื่องที่ไม่คาดฝัน ด้วยถุงลมนิรภัย SRS ที่พร้อมปกป้องคนขับ และผู้โดยสารด้านหน้า จากการชนด้านหน้า (ทุกรุ่น ยกเว้นรุ่น J)
ปลอดภัยยิ่งกว่า ด้วยเข็มขัดนิรภัย ELR แบบ 3 จุด ทุกที่นั่ง พร้อมกลไกดึงกลับ และผ่อนแรงดึงอัตโนมัติ (Pre-tensioner & Force Limiter) ในเข็มขัดนิรภัยคู่หน้า (ทุกรุ่น ยกเว้นรุ่น J) เบาะนั่งแบบ WIL Concept ช่วยดูดซับแรงกระแทกจากการชนด้านหลัง ลดอาการบาดเจ็บบริเวณต้นคอ และแผ่นหลังตอนบน
โครงสร้างตัวถังนิรภัย GOA ดูดซับแรงกระแทก ลดความรุนแรงจากการชน ด้วยการกระจายแรงสู่ตัวถัง
เบรคสั่งได้มั่นใจ กับระบบเบรค ABS ที่ทำงานผสานกับระบบ EBD ปรับแรงดันน้ำมันเบรคแบบอิสระ 4 ล้อ แปรผันตามน้ำหนัก ที่กดลงแต่ละล้อในขณะนั้นๆ (ทุกรุ่น ยกเว้นรุ่น J)
กุญแจรีโมท Immobilizer ป้องกันกุญแจเลียนแบบ ไม่ให้สามารถสตาร์ทเครื่องได้ โดยระบบจะตรวจสอบ ID Code ของกุญแจว่าตรงกับที่บันทึกไว้ใน ECU หรือไม่ (ทุกรุ่น ยกเว้นรุ่น J)
6 สี สะท้อนความโดดเด่น
Super White II
Silver Metallic
Medium Silver Metallic
Super Red
Grey Metallic (สีใหม่)
Attitude Black Mica (สีใหม่)

วันพุธที่ 11 เมษายน พ.ศ. 2555

ทำความเข้าใจ กับ เกียร์ CVT และเรียนรู้การใช้งานอย่างถูกต้อง

เริ่มจาก ภาพกราฟฟิคการทำงานของเกียร์ CVT






ถ้าเปรียบเทียบระบบ CVT กับระบบเกียร์อัตโนมัติทั่วไปนั้น มันมีความแตกต่างที่เราควรจะต้องพูดว่าระบบ CVT หรือ Continous Variable Transmission นั้นน่าจะไม่ควรถูกเรียกว่าชุดเกียร์ เพราะการทำงานของมันนั้นแปรผันตามพละกำลังที่ส่งมาจากเครื่องยนต์โดยตรง

ภายในระบบเกียร์ CVT ที่นิยมใช้ในรถยนต์ปัจจุบันนั้น จะประกอบด้วยชุดกรวย 2 ชิ้นที่เป็นหลักในการส่งกำลังจากเครื่องยนต์ไปยังล้อ โดยที่ตัวหนึ่งจะถูกต่อเข้ากับเครื่องยนต์ เรียกว่า “พูเล่ย์ขับ” ส่วนอีกตัวเป็นพูเลย์ที่จะให้อัตราทดเรียกว่า “พูเล่ย์กำลัง” ซึ่งทั้งสองจะทำงานสอดคล้องกันผ่านสายพานที่คล้องผ่านทั้งคู่

เมื่อเราขับรถไปในถนนกำลังจากเครื่องยนต์จะถูกส่งผ่านพูเล่ย์ขับ โดยในยามที่เราใช้อัตราทดต่ำ พูเล่ยกำลังจะมีระยะชันสูงทำให้มีอัตราทดที่สูง และการทำงานจะแปรผันเรื่อย จนเมื่อถึงเกียร์สูงสุดการทำงานก็จะสลับกันระหว่าง พูเล่ย์ขับที่ชันตัวสูงขึ้นและ พูเล่ย์กำลังที่ต่ำลง

ระบบจะทำงานเช่นนี้ไปเรื่อย และนั้นหมายความว่าระบบเกียร์ CVT นั้นไม่ได้ขับผ่านชุดเฟืองกันอย่างที่เข้าใจ ซึ่งการที่มันขับผ่านด้วยระบบสายพานนี้ ทำให้มันค่อนข้างเปราะ และมีการกล่าวว่าการใช้เกียร์ CVT ในสภาวะสุดขั้วโดยเฉพาะในเขตเมืองที่ขับๆจอดๆ จะทำให้เกียร์เสื่อมสภาพไวกว่าปกติ

แม้ว่าจะระบบส่งกำลังประเภทนี้จะค่อนข้างมีปัญหาได้ไงเมื่อใช้ไปนานๆ แต่ CVT ก็มีข้อดีที่ให้อัตราเร่งที่สเถียรมากยิ่งขึ้น และให้อัตราประหยัดน้ำมันมากยิ่งขึ้น และถึงเราจะกล่าวว่า CVT จะมีข้อเสียที่เกิดจากการออกแบบที่มองไม่น่าจะทนกำลังมากนัก แต่อย่าเพิ่งตกใจไป เพราะเราสามารถป้องกันได้ง่ายๆ



1. เปลี่ยนนิสัยการขับ เกียร์ CVT นั้นมันเป็นระบบส่งกำลังที่ออกแบบมาให้สามารถส่งกำลังได้นิ่มนวลกว่าระบบเกียร์อื่นๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อคุณรู้ว่าเกียร์นี้ขับด้วยสายพาน ก็แน่นอนว่า มันต้องขับแบบทะนุถนอมสักนิด

การขับแบบกระชากสไตล์สปอร์ตนั้น คงไม่ใช่เรื่องดีเสียเท่าไรนัก เนื่องจากการกระชากเกียร์โดยเฉพาะระบบ CVT จะทำให้เกียร์มีปัญหาได้ในอนาคต ซึ่งการที่ส่งกำลังผ่านพูเลย์ด้วยชุดสายพาน หากคุณเป็นคนหนึ่งที่ชอบออกเกียร์ตัวให้ล้อดังเอี๊ยด ด้วยการกระชากตัว จงหยุดเสีย เพราะนี่เป็นสาเหตุหลักที่ทำให้ชุดเกียร์เสื่อมสภาพเร็วและพังได้มากที่สุด

2.เข้าใจใน CVT เราได้อธิบายถึงการทำงาน CVT ไปพอสมควรแล้ว และคุณรู้ว่ามันมีการทำงานเช่นไร แต่ที่สำคัญนั้นคือการดูแลรักษา ซึ่งปกติจะได้รับคำแนะนำให้เปลี่ยนถ่ายน้ำมันเกียร์ประมาณ 20,000-40,000 กิโลเมตร แต่ในสภาพการขับขี่จริง หากชีวิตคุณอยู่ในเมืองมากกว่า 80 % นั้น เราขอแนะนำให้เปลี่ยนน้ำมันทุกๆ 17,000 กิโลเมตร เพราะ การที่เราขับๆหยุด แต่ระบบเกียร์จะยังทำงานทำให้เกิดความร้อนสะสมมากกว่าที่เราขับไปเรื่อยๆตามชนบท และเมื่อมีความร้อนมากก็หมายถึงมีการเสื่อมสภาพที่เร็วขึ้น

ทั้งนี้จงจำไว้ว่าเราต้องใส่ใจในการใช้งานรถยนต์อย่างสม่ำเสมอไม่เฉพาะระบบเกียร์ CVT ที่เราได้พูดถึงกันในวันนี้ แต่หมายถึงทุกระบบในรถที่เราต้องเข้าใจอย่างถ่องแท้ จึงจะใช้งานได้อย่างถูกต้อง ซึ่งCVT นั้นมีหลายคนไม่ทราบว่าเกียร์ทำงานอย่างไร ทำให้เกิดความเข้าใจผิดและท้ายที่สุดมีปัญหาเกิดขึ้น

ส่วน คลิปสุดท้ายนี้ จะสอน ... การใช้เกียร์ ของ Mitsubishi Lancer พอเป็นตัวอย่างในการใช้งานได้ครับ





http://www.jatco.co.jp/ENGLISH/PRODUCTS/CVT/JF015E.html



วันอังคารที่ 10 เมษายน พ.ศ. 2555

Toyota 86 รถสปอร์ตพันธุ์แท้ ล่าสุดจากค่ายโตโยต้า

เครื่องยนต์ และระบบส่งกำลัง ออกแบบในแบบรถสปอร์ตพันธุ์แท้
เครื่องยนต์ 2.0 ลิตรแบบ BOXER…..ด้วยลักษณะลูกสูบแนวนอน ช่วยให้รถมีจุดศูนย์ถ่วงต่ำ
เพิ่มประสิทธิภาพในการเกาะถนนยิ่งขึ้น พร้อมด้วยระบบ D-4S
ที่มีการทำงานเหมือนระบบวาล์วอัจฉริยะ VVT-i ให้พลังการขับเคลื่อนและอัตราเร่งเร้าใจ
-เครื่องยนต์รุ่น FA 20
-ความจุกระบอกสูบ 1,998 ซีซี
-แรงม้าสูงสุด 147 กิโลวัตต์ (200 แรงม้า) ที่ 7,000 รอบต่อนาที
-แรงบิดสูงสุด 205 นิวตัน-เมตร ที่ 6,400 รอบต่อนาที
ระบบเกียร์
-ธรรมดา 6 สปีด
-อัตโนมัติ 6 สปีด พร้อม Sequential shift
ภายนอก ล้ำสมัย ดีไซน์โฉบเฉี่ยว
- ไฟหน้าโคมโปรเจคเตอร์ แบบ HID  สว่างชัดเจน แม้ขับขี่ยามค่ำคืน
- ไฟท้ายแบบ LED สวยงาม ให้ความรู้สึกสปอร์ต
- ช่องรับลมขนาดใหญ่ที่กันชนหน้า ดุดัน ให้การระบายอากาศที่ดี
- สเกิร์ตรอบคันและสปอยเลอร์หลัง  ตอกย้ำความเป็นสปอร์ตพันธุ์แท้
- ท่อไอเสียแบบท่อคู่พร้อมปลายท่อแบบสแตนเลส เติมเต็มอารมณ์สปอร์ต
ภายใน สปอร์ตเต็มรูปแบบ
-สีภายในโทนสีดำ-แดง เข้ม เติมเต็มอารมณ์สปอร์ต
-เบาะนั่งที่โอบกระชับ เสมือนเป็นส่วนหนึ่งของตัวรถ
-ระบบควบคุมการเปลี่ยนเกียร์ที่พวงมาลัย (Paddle Shift) เปลี่ยนเกียร์ง่าย ดั่งใจสั่ง
-ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ (Cruise Control) สบายตลอดการเดินทาง
-มาตรวัดความเร็วแบบดิจิตอล ชัดเจน สบายตา
ราคาจำหน่าย Toyota 86
ราคารถยนต์ Toyota 86
รุ่น M/T STD Grade 2,490,000 บาท
รุ่น A/T STD Grade 2,560,000 บาท
รุ่น A/T High Grade 2,740,000 บาท

หรูกว่าเดิม โฉมใหม่ Toyota Camry

รถหรูอย่าง Toyota Camry ที่ทำตลาดอยู่ในประเทศไทยมาอย่างยาวนาน
ได้นำ All New Toyota Camry ปรับโฉมใหม่หมดมาเอาใจชาว Camry
ในโฉมใหม่นี้ หรูกว่าเดิมแน่ ๆ แต่ก็ไม่ทิ้งเอกลักษณ์ผู้นำ ด้วยกระจังหน้าโครเมี่ยม มาพร้อมเส้นสายการออกแบบที่แลดูพริ้วไหว
เน้นความลงตัวในด้านหลักอากาศพลศาสตร์ ที่ให้ทั้ง แอรโรไดนามิค ฟิน มาพร้อมเทคโนโลยีโดดเด่นในการผสานการออกแบบและความลู่ลม Aero Corner ที่ให้ความลงตัวกับทางบั้นท้ายกับไฟท้ายที่เน้นในความสปอร์ตแต่ยังดูดี ตามด้วยชุดล้ออัลลอยลาย 10 ก้าน มี 2 ขนาด คือ 16 และ 17 นิ้ว โดยในรุ่น 16 นิ้ว จะอยู่ใน Toyota Camry 2.0 G จะมาพร้อมยางขนาด 215/60/R16 ส่วนในรุ่นขอบ 17 นิ้ว จัดให้ตั้งแต่รุ่น 2.5  G  ยันรุ่นท๊อปสุด มากับยาง 215/55/R17
ห้องโดยสาร Toyota Camry เน้นการออกแบบห้องโดยสารให้ความอบอุ่มลงตัวด้วยภายในสีเบจ มาพร้อมการตบแต่งลายไม้ ที่ในรุ่นเครื่องยนต์ธรรมดาจะใช้ลายไม้สีน้ำตาลแดง ส่วนในรุ่นในไฮบริดจะใช้สีน้ำตาลดำ แต่ทั้งคู่ยังคงให้ความรู้สึกโอ่อ่า กว้างขวาง เบาะนั่งคู่หน้าปรับไฟฟ้า 8 ทิศทางจัดเป็นมาตรฐานใหม่ที่จะพบได้ เช่นเดียวกับระบบปรับอากาศอัตโนมัติแยกควบคุมอุณหภูมิอิสระซ้าย-ขวา ที่ยังจะได้ม่านบังแดดไฟฟ้า
ขุมพลังขับเคลื่อน  All New Toyota Camry ใหม่ มาพร้อมเครื่องยนต์ 2 ขนาด 3 ทางเลือกตามความชอบของลูกค้า โดยเริ่มจากเครื่องยนต์ขนาด 2.0 ลิตร รหัส 1 AZ-FE ให้กำลังสูงสุด 146 แรงม้า ที่ 6,000 รอบต่อนาที พร้อมกำลังแรงบิดสูงสุด 190 นิวตันเมตร/4,000 รอบต่อนาที จับคู่เกียร์อัตโนมัติ 4 สปีด
ในด้านความปลอดภัย All New Toyota Camry  ก็ยังให้ความมั่นใจได้ด้วยการให้ระบบดิสก์เบรค 4 ล้อ ที่มาพร้อมมาตรฐานชั้นนำระบบป้องกันล้อล็อค ABS  ทำงานคู่กับกระจายแรงเบรคด้วย  EBD  แถมเสริมความมั่นใจด้วยระบบ BA  โดยในรุ่นไฮบริดยังให้มากกว่า ด้วยระบบควบคุมการทรงตัว VSC  มาพร้อมระบบป้องกันล้อหมุนฟรี TRC และยังมีการช่วยออกตัวบนทางลาดชัน  HAC  โดยตั้งแต่รุ่น 2.5 G  ขี้นไป ยังมาพร้อมกับเซ็นเซอร์มุมกันชนทั้ง 4 ด้าน ที่ยังให้เซนเซอร์กะระยะด้านท้ายรถ 2 จุด  เว้นในรุ่น 2.5 L  HV  Navigator

วันพฤหัสบดีที่ 5 เมษายน พ.ศ. 2555

Honda Jazz Hybrid Vs Toyota Prius C ประกอบในเมืองไทยทั้งคู่

 ปีที่ผ่านมาถือว่าสาหัสกันมากสำหรับ Honda เรียกว่า หายไปจากเวทีรถยนต์ในเมืองไทยไปพักใหญ่ถึงกับต้องออกแคมเปญโฆษณาเรียกความมั่นใจจากทั้งลูกค้าและตัวเองกันทีเดียว?! ฉะนั้นการกลับมาครั้งนี้จะต้องสร้างความฮือฮาได้มากพอสมควร เพราะจะว่าไปแล้ว Honda เองในปีนี้ มีของดีให้อวดมากมายไม่ว่าจะเป็น All-New Civic , CR-V และที่เรากำลังจะพูดถึงในตอนนี้ก็คือ Jazz Hybrid ที่เปิดตัวเป็นครั้งแรกในงาน Paris Motor Show 2010 และพร้อมจำหน่ายในยุโรปต้นปีนี้
 ถ้าไม่มีอะไรผิดพลาดหรือต้องทำให้เลื่อนออกไป ทาง Honda จะเดินสายการผลิต Honda Jazz Hybrid ที่โรงงานในเมืองไทยกลางปีนี้ เพื่อรุกตลาดรถแฮทแบ็ค 5 ประตูขนาดเล็กที่เป็นเจ้าตลาดอยู่ เพราะแม้ว่าหน้าตานั้นอาจจะให้ใหม่มากไม่ได้ แต่หัวใจมาใหม่ทั้งกล่อง นั้นทำให้ทาง Honda มั่นใจว่าจะสามารถกระตุ้นตลาดของ Jazz ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ไม่ต่างไปจากการเปิดตัวรถรุ่นใหม่หมดแบบ All-New เลยทีเดียว

 




พอพูดถึงรถไฮบริด หลายคนอาจจะเป็นห่วงเรื่องพื้นที่จุสัมภาระที่ต้องมีส่วนหนึ่งสูญเสียให้กับการจัดเก็บชุดแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ แต่สำหรับ Honda Jazz Hybrid ต้องบอกว่า หายห่วงในเรื่องนี้เพราะรถรุ่นนี้มาพร้อมระบบที่นั่งที่เรียกว่า Magic Seat ซึ่งเบาะทุกชิ้นสามารถถูกพับเก็บได้ทั้งหมด ส่วนฐานเบาะก็ถูกพับเก็บได้อีกต่อหนึ่ง เพื่อเพิ่มระดับความสูงของพื้นที่จุสัมภาระได้อย่างเต็มที่ ทำให้ปริมาตรจุสัมภาระเพิ่มจาก 300 ไปเป็น 831 และ 1,320 ลิตร ตามลำดับ

Honda Jazz Hybrid มีรูปโฉมที่แตกต่างออกไปจาก Jazz รุ่นมาตรฐานตรงแผงกระจังหน้าที่เป็นชิ้นงานโครเมี่ยม ไฟหน้ามีสีแกมฟ้าในแบบไฮบริด กันชนหน้าและหลังได้รับการออกแบบใหม่ โดยมีสีเขียว Lime Green เป็นสีรถต้นแบบในการทำตลาด ในขณะที่ระบบขับเคลื่อนเป็นแบบ Integrated Motor Assst ( IMA ) ซึ่งมีใช้ในรุ่น Insight และ CR-Z ซึ่งประกอบด้วยเครื่องยนต์เบนซิน i-VTEC 4สูบ ความจุ 1.3 ลิตร และมอเตอร์ไฟฟ้าขนาด 10 กิโลวัตต์ ควบคุมผ่านเกียร์ CVT สามารถทำความเร็วจาก 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ได้ภายในเวลา 12.6 วินาที โดยมีความเร็วสูงสุด 177 กิโลเมตร/ชั่วโมง ส่วนอัตราส่วนการสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงอยู่ที่ 4.5 ลิตร/ 100 กิโลเมตร โดยทาง Honda อ้างว่า Honda Jazz Hybrid คือรถเกียร์อัตโนมัติในตลาด B-Segment ที่ปล่อยมลพิษน้อยที่สุดคือเพียง 104 กรัม/กิโลเมตร เท่านั้น



 






 










ข้ามมาฝั่งของทาง Toyota ที่เป็นเจ้าของตลาดโดยรวมในเมืองไทย แต่ 2-3 ปีที่ผ่านมา ถูกรุกพื้นที่จากคู่แข่งสำคัญๆ อย่าง Chevrolet และ Ford จากเมืองลุงแซมที่นับวันยิ่งน่ากลัวมากขึ้นด้วยส่วนแบ่งทางการตลาดที่สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในขณะที่ตลาดรถขนาดเล็กแต่กินพื้นที่กว้างอย่างอีโคคาร์มี Nissan ครองตลาดแบบไร้คู่แข่งมาตลอดด้วยยอดขายรวมล่าสุดมากกว่า 5,500 คัน เพราะคู่แข่งที่คิดว่าน่าจะน่ากลัวอย่าง Honda Brio ได้รับผลกระทบจากอุทกภัย ในขณะที่ Mitsubishi Mirage และ Suzuki Swift เพิ่งประกาศเข้ามาขอส่วนแบ่งไปไม่กี่วันก่อนหน้านี้ ฉะนั้น Toyota จึงให้ความสนใจกับการเคลื่อนไหวของคู่แข่งมากเป็นพิเศษ เพราะหากพลาด อาจจะไม่ใช่แค่การสูญเสียโอกาสและตลาดในเมืองไทยเท่านั้น แต่การที่ในปี 2015 จะเป็นปีของการเริ่มต้นของ AEC หรือ ASEAN Economic Community ที่ทำให้อาเซียนเป็นตลาดที่ใหญ่อันดับ 3 ของโลกรองจากจีนและอินเดีย ฉะนั้นกลยุทธหลังๆ จะไม่ใช่แค่มองว่า ผลิตออกมาแล้วจะขายให้เฉพาะคนไทยเท่านั้น แต่ยังต้องมองถึงการส่งออกไปจำหน่ายในประเทศอาเซียนอื่นๆด้วย หรือมองข้ามช็อตไปอีกนิดด้วยการผลิตเพื่อส่งออกไปจำหน่ายในจีนหรืออินเดีย เพื่อลดต้นทุนการผลิตต่อหน่วยนั้นทำให้ Toyota จำเป็นต้องทำอะไรสักอย่างกับการเคลื่อนไหวของ Honda

 


นั้นคือที่มาของความเป็นไปได้ในการเริ่มจำหน่าย Prius C เร็วกว่ากำหนดที่ควรจะเป็นก่อนที่จะมีการผลิตในประเทศในปี 2013 อย่างเต็มตัว ล่าสุดทาง Toyota  มีแผนในการนำเข้า Prius C มาทำตลาดในจำนวนจำกัดระดับหนึ่งที่ยังไม่มีการสรุปตัวเลขออกมาแน่นอนว่ากี่คัน เพราะต้องขึ้นอยู่กับฟีดแบ็คจากลูกค้าและความเคลื่อนไหวของคู่แข่งด้วย เนื่องจากเป็นไฟต์บังคับ ไม่ได้ตั้งใจออกมาชกจริงๆ! อีกอย่างแผนในการผลิต All-New Yaris ก็ยังไม่มีเพราะในปี 2013 บริษัท Toyota เตรียมส่งอีโคคาร์เข้ามาแล่นในตลาดที่ใหญ่กว่าแม้ว่าราคาต่อคันจะน้อยกว่าก็ตาม การส่ง Prius C เข้ามาเติมเต็มในส่วนนี้ดูเหมือนว่าจะ Make Business Sense มากกว่ามีทั้ง Yaris และอีโคคาร์ที่กินตลาดกันเองอยู่!?

Toyota Prius C มีขุมพลังไฮบริดแบบ Bedicated Hybrid ซึ่งเป็นเครื่องยนต์ 4 สูบ ความจุ 1.5 ลิตร และมอเตอร์ไฟฟ้า 1 ตัว ให้กำลังสูงสุด 99 แรงม้า เกียร์ CVT โดยมีอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงที่ 35-40 กิโลเมตร / ลิตร ตามมาตรฐานการทดสอบของญี่ปุ่น (ใช้ชื่อรุ่นว่า Aqua ได้เริ่มจำหน่ายไปแล้วในประเทศญี่ปุ่น เมื่อเดือนธันวาคมปีที่ผ่านมา) มีมิติตัวถังใหญ่กว่า Yaris เจนเนอเรชั่นใหม่เล็กน้อย คือยาว 3,995 มิลลิเมตร กว้าง 1,695 มิลลิเมตร และสูง 1,445 มิลลิเมตร มีระยะฐานล้อที่ 2,550 มิลลิเมตร

อย่างไรก็ตามการวิเคราะห์และข้อมูลทั้หมดที่กล่าวมาข้างต้นอยู่บนพื้นฐานของข้อมูลล่าสุดที่ยังไม่มีการยืนยันอย่างเป็นทางการ และอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ตามสถานะการณ์














Chevrolet Sonic 2012 เปิดตัวพร้อมราคาจำหน่าย

 

อาจจะเป็นหนึ่งในรถยนต์ที่จะมาไทยอย่างแน่นอนแล้ว หลังค่ายรถยนต์ชั้นนำ Chevrolet Sonic ออกมาตอกย้ำกันถึง รอบ ของแผนการในปีนี้ ที่เตรียมแนะนำซิตี้คาร์ใหม่ออกสู่ตลาดอย่างเป็นทางการมาแทนที่ Chevrolet Aveo ในนาม Chevrolet Sonic

Chevrolet Sonic เป็นรถที่เปิดตัวมาได้สักระยะแล้วในต่างประเทศ โดยในระหว่างที่หลายคนอาจจะมองว่า 4 และ 5 ประตูดูงามดีนั้น ก็มีข้อกังขาเรื่องขนาด ที่ลูกค้าดันช่างสังเกตว่า รุ่น 4 ประตูยาวกว่า รุ่น 5 ประตู ถึง 14.1 นิ้ว


ข้อสังเกตุนี้ทำให้สำนักข่าว automotive News ต้องไปตามหาความจริง โดยยิงตรงไปถาม ผู้อำนวยการบริหารแผนกออกแบบและเสริมสร้างแบรนด์ Chevrolet นาย เคน พาคินสัน "ตอนออกแบบในรุ่น 5ประตู เรารู้สึกว่า มันลงตัวดีอยู่แล้วในเรื่องการออกแบบ แต่ถ้านำขนาดเดียวกันมาใช้ในรุ่น 4 ประตู มันคงจะดูแปลก และเรารู้สึกว่ามันไม่ถูกต้อง"



 "นี่เอง จึงเป็นที่มาของการเพิ่มความยาวของรถ โดยเฉพาะพื้นที่ฝากระโปรงท้ายและมันดูดีมากเลยทีเดียว" นาย พาร์คินสัน กล่าว

ทั้งนี้ นาย อันโตนิโอ ซาร่า รองประธานฝ่ายขาย การตลาด บริษัท เจนเนอรัล มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด และบริษัท เชฟโรเลต เซลส์ (ประเทศไทย) ได้เคยกล่าวยินยันกับทางทีมงานว่า Chevrolet Sonic เป็นหนึ่งในรถยนต์ที่จะมาทำตลาดในประเทศไทยปี นี้ ต่อจาก Chevrolet Trailblazer








ค่ายรถยนต์ Chevrolet เป็นค่ายรถยนต์ที่น่าจับตามากในปีนี้ ด้วยการขยายไลน์ ที่มีความเทียบเท่าค่ายเจ้าตลาดและเป็นค่ายที่น่ากลัว ส่วน Chevrolet Sonic จะเปิดตัวเมื่อไร ต้องคอยติดตามข่าวกัน แต่ในต่างประเทศนั้น รถรุ่นนี้ถือเป็นหนึ่งในรุ่นที่ได้รับความนิยมในกลุ่มซิตี้คาร์ โดยมี 2 ตัวถังให้เลือกคือ 4 และ 5 ประตู โดยในไทยจากข้อมูลที่ทราบมาเบื้องต้นจะยังคงมีเครื่อง 1.4 และ 1.6 ลิตร ให้เลือก

 

 



ขณะ ที่เชฟโรเลต โซนิค นั้นน่าจะเป็นรถธงของ เชฟโรเลต ในปีนี้ โดยจะเข้ามาทำตลาดแทน เชฟโรเลต อาวีโอ ที่จะทำตลาดแค่เครื่องยนต์ซีเอ็นจี เท่านั้น
เชฟโรเลต โซนิค นั้นมีทั้งแบบ 4 ประตู และ 5 ประตู ส่วนเครื่องยนต์ที่จะนำมาจำหน่ายในประเทศไทยคาดว่าจะใช้เครื่องยนต์เบนซิน เทอร์โบขนาด 1.4 ลิตร แต่ให้แรงม้ามากถึง 135 แรงม้า มาเป็นตัวทำตลาด แต่ในต่างประเทศมีเครื่องยนต์ขนาด 1.8 ลิตร ซึ่งเป็นเคริ่องยนต์เดียวกับ เชฟโรเลต ครูซ ด้วย
 เจนเนอรัล มอเตอร์ เผยผลการทดสอบอัตราสิ้นเปลืองอย่างเป็นทางการโดย EPA หรือ Environment Protection Agency สำหรับ ซับคอมแพคท์ อย่าง เชฟโรเลต โซนิค ซึ่งอยู่ในกลุ่ม 17 กิโลเมตรต่อลิตร สำหรับการใช้งานบนไฮเวย์ ส่วนในเมืองทำได้ 12.34 กิโลเมตรต่อลิตร โดยเป็นรุ่นเครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ 1,400 ซีซี เทอร์โบ 138 แรงม้า แรงบิด 20.38 กก.-ม. เกียร์ธรรมดา 6 จังหวะ
 ส่วนในรุ่นเครื่องยนต์ใหญ่ขึ้น หายใจธรรมดา 1,800 ซีซี 135 แรงม้า แรงบิด 17 กก.-ม. เกียร์ธรรมดา 5 จังหวะ ทำได้ 14.9 และ 11 กิโลเมตรต่อลิตร ส่วนเกียร์อัตโนมัติ 6 จังหวะ ทำได้ 14.9 และ 10.6 กิโลเมตรต่อลิตร สำหรับการใช้งานไฮเวย์และในเมืองตามลำดับ สำหรับ ราคา เชฟโรเลต โซนิค จะตั้งไว้ที่ประมาณ 435,000 บาท ซึ่งราคานี้ยังไม่รวมภาษีครับ